นับแต่เกิดเรื่องอื้อฉาว เกี่ยวกับการสังหาร “จามาล คาชอกกี” คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์วอชิงตัน ที่มีการกล่าวหาว่า “เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะคิดว่า จะมีที่ใดในโลกนี้บ้างที่จะให้การต้อนรับมกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบียผู้นี้อย่างอบอุ่น
แต่ในการเสด็จเยือน 3 ประเทศเอเชีย ปากีสถาน อินเดีย และจีน ที่เพิ่งปิดฉากลงไปนั้น เจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงแสดงให้เห็นแล้วว่า แม้จะโดนเมินจากโลกตะวันตก แต่พระองค์ก็ไม่ได้โดดเดี่ยว
ปากีสถานให้การต้อนรับพระองค์ด้วยการยิงสลุต 21 นัด และมีเครื่องบินรบตามประกบรักษาความปลอดภัยให้กับเครื่องบินพระที่นั่ง ทั้งยังได้ถวายของขวัญเป็นปืนกลมือทองคำให้กับพระองค์ ขณะที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ก็ละทิ้งระเบียบการต่างๆ เดินทางไปต้อนรับเจ้าชายมกุฏราชกุมารวัย 33 ชันษาด้วยตัวเองถึงสนามบิน พร้อมสวมกอดอย่างอบอุ่น และที่จีน เจ้าชายบิน ซัลมาน ก็ได้ฉายพระรูปร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หนึ่งผู้นำที่ทรงอำนาจที่สุดของโลก
การต้อนรับเช่นนี้ อาจเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายสำหรับสหรัฐ และยุโรป สถานที่ที่ชื่อเสียงของเจ้าชายซัลมานเสียหายอย่างหนัก จนทำให้พระองค์มุ่งหน้ามาทางตะวันออก ในความพยายามที่จะฟื้นฟูชื่อเสียงให้กับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งการตัดสินใจในเรื่องนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวอย่างฉลาด
จีนเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่สุดของซาอุดีอาระเบียอยู่แล้ว ซึ่งการเสด็จเยือนเอเชียของพระองค์นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่า ความแตกต่างด้านแนวคิด ศาสนา หรือแม้กระทั่งการเมือง ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกีดขวางการทำธุรกิจแต่อย่างใด และไม่มีผู้นำประเทศใดเลย ที่ยกเรื่องคาชอกกีขึ้นมาพูดถึง
ระหว่างอยู่ที่กรุงปักกิ่ง มกุฏราชกุมารจากประเทศ ที่มีสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์สุดของชาวมุสลิม ไม่ได้ยกเรื่องที่จีนถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการกดขี่ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศขึ้นมาพูดถึง
ส่วนที่อินเดีย ประเทศที่การโจมตีต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม กลายมาเป็นประเด็นหลักก่อนที่จะเกิดการเลือกตั้งในปีนี้นั้น เจ้าชายซัลมานก็มุ่งเน้นไปยังเรื่องที่อาจมีการทำข้อตกลงมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์เพียงอย่างเดียว
บรรดานักวิเคราะห์ยังตั้งข้อสังเกตถึงประเทศที่เจ้าชายซัลมานเลือกเดินทางเยือนในครั้งนี้ ซึ่งแตกต่างจากที่กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลลาซิส อัล ซาอุด พระบิดาของพระองค์เสด็จเยือนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
โจนาธาน ฟุลตัน ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ตะวันออกกลาง-จีน จากมหาวิทยาลัยซาเอด ในอาบูดาบี แสดงความเชื่อมั่นว่า เจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงคำนวนถึงผลดีผลเสียของประเทศที่เสด็จมาเยือนครั้งนี้อย่างระมัดระวัง โดยเน้นประเทศที่พระองค์จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
“ปากีสถานเป็นประเทศที่มีความสำคัญกับซาอุดีอาระเบียอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิมราน ข่าน กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรี”
อินเดีย และจีน ก็เป็นพันธมิตรของซาอุดีอาระเบียมาอย่างยาวนาน เป็นประเทศที่สามารถจัดหาการลงทุนจากต่างประเทศ ที่ซาอุดีอาระเบียต้องการอย่างมากให้ได้ รวมถึงความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ในช่วงเวลาที่ซาอุดีอาระเบีย กำลังโดนเมินเฉยจากชาติตะวันตก
“ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดีย กับซาอุดีอาระเบีย อยู่ในดีเอ็นเอของเรา ชาวอินเดียเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างซาอุดีอาระเบียมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา” มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ระบุ โดยในปัจจุบัน มีแรงงานอินเดียอาศัยอยู่ในซาอุดีอาระเบียเกือบ 3 ล้านคน ถือเป็นแหล่งแรงงานสำคัญของประเทศ
ขณะที่ จีนก็เป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของซาอุดีอาระเบีย เน้นการนำเข้าน้ำมันเป็นหลัก โดยเมื่อปีที่แล้ว นำเข้าสินค้าจากซาอุดีอาระเบียสูงถึง 46,000 ล้านดอลลาร์ื
ฟุลตัน บอกด้วยว่า ทั้ง 2 ประเทศยังทำงานร่วมกันในหลายด้าน โดยสีพยายามที่จะผลักดันโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของเขา ที่การค้าปริมาณมหาศาลของจีน จะผ่านทางทะเลแดง ซึ่งมีเขตแดนติดต่อกับซาอุดีอาระเบีย ไปยังยุโรป ซึ่งเจ้าชายมกุฏราชกุมารเอง ก็ต้องการที่จะส่งเสริมแผนเศรษฐกิจ 2573 หรือ “วิชั่น 2030 โปรเจค”ของตัวเอง ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการลงทุน และการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากจีน
ฟุลตัน แสดงความเห็นว่า เจ้าชายบิน ซัลมาน แสดงออกถึงความใจกว้างอย่างมากตลอดการเดินทางเยือนครั้งนี้
“สำหรับคนที่จับตามองเขาอยู่ที่บ้านเกิด กลุ่มคนที่เคยแต่ได้ยินเรื่องราวในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเขา ก็จะได้เห็นว่า ประเทศที่มีความสำคัญกับซาอุดีอาระเบีย ให้การต้อนรับเขาอย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จของเขา”
ปากีสถาน
เจ้าชายบิน ซัลมาน ลงนามในข้อตกลงลงทุนเบื้องต้นมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึง ข้อตกลงสร้างโรงกลั่นน้ำมันในเมืองกวาดาร์ เมืองชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งท่าเรือในเมืองนี้ยังเป็นส่วนสำคัญในระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานมูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์
อินเดีย
ระหว่างเยือนอินเดีย เจ้าชายมกุฏราชมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า มองเห็นโอกาสลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ในอีกช่วง 2 ปีข้างหน้า พร้อมลงนามข้อตกลงด้าพลังงาน รวมถึง ท่องเที่ยว ที่พักอาศัย และแพร่ภาพกระจายเสียง
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีสำหรับการสานสัมพันธ์ทางการทูต แต่ไม่ได้เอื้อต่อการลงทุนในซาอุดีอาระเบียแต่อย่างใด
จีน
ระหว่างเยือนจีน เจ้าชายบิน ซัลมานไม่ได้รับการต้อนรับเหมือนพระองค์เป็นวีรบุรุษ แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในปากีสถาน และอินเดียแต่อย่างใด ทั้งก่อนหน้าที่เจ้าชายจะเดินทางมาถึงจีนเพียงไม่กี่วัน รัฐบาลปักกิ่งก็เพิ่งประกาศว่า ต้องการที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อในกันในด้านกลยุทธ์กับอิหร่าน ศัตรูหลักของซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ดี ฟุลตันระบุว่า จีนถือเป็นจุดหมายสำคัญอย่างมากสำหรับเจ้าชายบิน ซัลมาน ที่จะดึงการลงทุนเข้าไปในประเทศ
หลังจากพบกับประธานาธิบดีสี เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับ ทั้งด้านการเมือง การขนส่งทางเรือ พลังงาน และเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ทั้ง 2 ประเทศ เห็นพ้องที่จะเชื่อมโยงโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และวิชั่น 2030 โปรเจค เข้าไว้ด้วยกันมากขึ้น
เจ้าชายบิน ซัลมานยังลงนามในข้อตกลงมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในการก่อสร้างโรงกลั่น และปิโตรเคมี
