“อนุทิน” นำทีมภท.เดินสายภาคใต้ เปิดเวที “นครศรีฯ” ผลักดันนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง ชูนโยบาย “ยางพารา-ประมง-ปาล์ม” อ้อนขอคะแนนต้องกล้าเปลี่ยนเลือก “ภูมิใจไทย” เพื่ออนาคตลูกหลาน
วันนี้ (17 ก.พ.) แกนนำพรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค ในฐานะแม่ทัพภาคใต้ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ดร.พะโยม ชิณวงศ์ คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา และคณะ ลงพื้นที่ภาคใต้ โดยเริ่มที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นแห่งแรก มีการเปิดปราศรัยใหญ่ที่อำเภอเมือง มีประชาชนให้ความสนใจร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมาก
นายอนุทิน กล่าวว่า การลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ พรรคตั้งใจนำเสนอนโยบายแนวทางการทำงานของพรรค เพื่อพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ในทุกมิติ มั่นใจว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้ชาวใต้ได้ โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง เพราะทุกเรื่องที่คิด ได้ผ่านการศึกษา รับฟังความเห็นจากคนในพื้นที่อย่างรอบคอบและรอบด้าน
อย่างเรื่องยางพารา พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายชัดเจนว่าต้องพัฒนาให้ชาวสวนยางเป็นทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบ คือน้ำยาง และเป็นผู้แปรรูปขั้นต้น โดยจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งรัฐบาลจะต้องสนับสนุนชาวสวนยาง
อีกเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยต้องเร่งแก้ไขให้ก็คือ การทำประมง ที่ต้องทำให้เรือไทย เจ้าของเรือไทย เป็นนายจ้างที่มีศักดิ์ศรี และรัฐบาลไทยต้องคุ้มครองคนไทยมากกว่าคุ้มครองแรงงานต่างด้าว
พรรคภูมิใจไทยมีแนวคิดหลักชัดเจน คือ ทะเลไทย เรือไทย คนไทย ต้องมาก่อน กฎหมายหลายฉบับที่ทำให้เรือไทยทำประมงไม่ได้ ทำแล้วขาดทุนต้องแก้ไข จะไม่ให้ต่างชาติมาขี่คอกดหัวคนไทยอีกต่อไป
นโยบายที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องปาล์ม โดยต้องเปลี่ยนวิธีคิด นำปาล์มมาทำเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่เรือประมงใช้ มาทำกระแสไฟฟ้า จะทำให้ความต้องการน้ำมันปาล์มมีไม่จำกัด ราคาปาล์มจะสูงขึ้นทันที ซึ่งรัฐบาล หรือโรงไฟฟ้า อาจจะซื้อน้ำมันปาล์มในราคาแพง แต่ก็ต้องทำเพราะผลประโยชน์ตกกับเกษตรกรในประเทศ ดีกว่าซื้อน้ำมันมาผลิตกระแสไฟฟ้า ที่ผลประโยชน์ และเงินไทยต้องเสียออกไปนอกประเทศ
ขณะที่ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ภูมิใจไทยตั้งใจสู้ทุกเขต ทุกพื้นที่ ยืนยันเรื่องนี้ได้จากการที่พรรคส่งผู้สมัครทั้ง 350 เขต ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนพรรคภูมิใจไทยตั้งใจมาสู้ ไม่ได้มาเล่นๆ และการลงพื้นที่ภาคใต้ของหัวหน้าพรรคครั้งนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเอาจริง เอาใจใส่ในทุกพื้นที่ ไม่ทิ้งพื้นที่ไหนทั้งนั้น
