ทำเนียบขาวของสหรัฐ กระตุ้นบริษัทเอกชนดำเนินการบังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตามกฎระเบียบ ซึ่งเป็นเวลาสองวันหลังศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางระงับคำสั่งที่บังคับให้กิจการต่างๆ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ลูกจ้างเป็นการชั่วคราว
“เราคิดว่าประชาชนไม่ควรรีรอ ที่จะดำเนินการเพื่อความปลอดภัยในที่ทำงาน มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ การรอให้มีคนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นมีแต่จะทำให้เกิดการระบาดและผู้ป่วยเพิ่มขึ้น” คารีน ฌอง-ปิแอร์ รองเลขาธิการฝ่ายสื่อมวลชนของทำเนียบขาว กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวประจำวัน “เราพยายามก้าวข้ามการระบาดใหญ่ และการฉีดวัคซีนจะทำให้เราทำเช่นนั้นได้”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ (5 พ.ย.) อัยการสูงสุดฝ่ายรีพับลิกันหลายคนของรัฐเท็กซัส เซาท์แคโรไลนา ลุยเซียนา มิสซิสซิปปี และยูทาห์ รวมถึงองค์กรและบริษัทเอกชนหลายแห่ง ได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ข้างต้น
ต่อมาวันเสาร์ (6 พ.ย.) ผู้พิพากษาทั้งสามของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ของสหรัฐ ตัดสินระงับคำสั่งดังกล่าวชั่วคราว เนื่องด้วย “ข้อกังวลร้ายแรงด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ” พร้อมสั่งให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตอบสนองคำร้องภายใน 17.00 น. ของวันจันทร์ (8 พ.ย.)
คำสั่งบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือชื่อทางการคือมาตรฐานฉุกเฉินชั่วคราว พัฒนาโดยสำนักบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ (OSHA) กำหนดให้บริษัทที่มีพนักงานเกิน 100 คน จัดพนักงานเข้ารับวัคซีนครบโดสภายในวันที่ 4 มกราคม 2022
ส่วนพนักงานของบริษัทเหล่านั้นที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะต้องยื่นผลตรวจโรคที่เป็นลบทุกสัปดาห์ จึงจะเข้าสู่สถานที่ทำงานได้ รวมถึงจะต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ภายในอาคารสถานที่ทำงาน ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม เป็นต้นไป
กฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐ มอบอำนาจให้สำนักบริหารฯ ออกมาตรการฉุกเฉินชั่วคราว หากพิจารณาแล้วว่าพนักงานเสี่ยงต่อ “ภัยร้ายแรง” ที่ทำให้จำเป็นต้องใช้กฎระเบียบเข้าควบคุม
“สำนักบริหารฯ มีอำนาจปกป้องพนักงาน และคำสั่งนี้มีเป้าหมายช่วยชีวิตและหยุดยั้งการระบาดของโรคโควิด-19” ฌอง-ปิแอร์กล่าว พร้อมระบุว่ากระทรวงยุติธรรมจะปกป้องกฎนี้ในชั้นศาล
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ (6 พ.ย.) ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ มีคำตัดสินให้ระงับคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นการชั่วคราว โดยคำสั่งนี้ของไบเดนกำหนดให้ลูกจ้างของบริษัทขนาดใหญ่ต้องฉีดวัคซีน หรือเข้ารับการตรวจเชื้อบ่อยครั้ง
คำสั่งบังคับฉีดวัคซีนหรือตรวจเชื้อข้างต้น กำหนดให้พนักงานของบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จนครบโดส ภายในวันที่ 4 มกราคม 2022 โดยพนักงานที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหลังจากวันที่กำหนด จะต้องส่งผลการทดสอบเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบทุกสัปดาห์ เพื่อสามารถเข้าสู่สถานที่ทำงานได้ และตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม เป็นต้นไป ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจำเป็นต้องสวมหน้ากากขณะอยู่ภายในอาคารของสถานที่ทำงาน
คำตัดสินของศาลซึ่งออกโดยผู้พิพากษาสามคนจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ให้เหตุผลว่า “คำสั่งนี้มีข้อกังวลร้ายแรงด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ” และสั่งระงับคำสั่งดังกล่าวไว้ก่อนระหว่างรอศาลฯ การดำเนินการเพิ่มเติม
คำตัดสินศาลมีขึ้น หลังหลายๆ รัฐที่พรรครีพับลิกันครองความนิยมข้างมาก รวมถึงบริษัทเอกชนหลายแห่ง ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งบังคับของไบเดน
ด้านสีมา นันดา ทนายความระดับสูงจากกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวโต้คำร้องนี้ เมื่อวันศุกร์ (5 พ.ย.) ว่ากระทรวง “มั่นใจในอำนาจทางกฎหมายของตน” ในการออกคำสั่งบังคับดังกล่าว สำนักงานบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ สหรัฐ (OSHA) จะเป็นผู้นำไปบังคับใช้
“สำนักงานฯ มีอำนาจในการดำเนินการอย่างฉับไว ในกรณีฉุกเฉินที่สำนักงานฯ พบว่ามีพนักงานตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง และจำเป็นต้องใช้มาตรฐานใหม่เพื่อปกป้องพวกเขา” เธอกล่าว พร้อมเสริมว่าทีมบริหารเตรียมพร้อมที่จะปกป้องมาตรฐานนี้อย่างเต็มที่ในชั้นศาล
ที่มา:สำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รอรับได้เลย!! ‘ดอน’ เผย ‘โมเดอร์นา’ 1 ล้านโดสจากสหรัฐส่งถึงไทยเร็ว ๆ นี้
- สหรัฐ อันดับ 1 เดินทางเข้าไทยหลังเปิดประเทศ พร้อมเปิดโผ 10 อันดับสูงสุด
- ‘หมอเฉลิมชัย’ เตือนจับตายอดโควิดกลางพ.ย.นี้ หลังเปิดประเทศครบ 14 วัน