ผู้นำและตัวแทน 21 เขตเศรษฐกิจที่เป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) พากันเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปค ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นการรวมตัวของเหล่าผู้นำนานาชาติเวทีที่ 3 ในช่วง 1 สัปดาห์
วีโอเอ รายงานว่า สื่อหลายสำนักพากันรายงานประเด็นคล้าย ๆ กันว่า ผู้ที่กลายมาเป็นดาวเด่นในการประชุมเอเปค 2022 ที่กรุงเทพฯ นั้นเหลืออยู่เพียง 1 เดียว ซึ่งก็คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ตัดสินใจไม่มาร่วมงานนี้
ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า การที่ผู้นำสหรัฐ ไม่ได้มาร่วมการประชุมเอเปค หมายความว่า ประธานาธิบดีสี ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีไบเดน บนเวทีหารือนานาชาติแห่งนี้ ที่มีเป้าหมายหลักในเรื่องเศรษฐกิจของภูมิภาค ที่เป็นจุดท้าประลองระหว่างสหรัฐ และจีนอยู่
ส่วนการที่ประธานาธิบดีปูติน ตัดสินใจส่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งมาร่วมงานแทน ก็ทำให้ผู้นำจีนไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจ ที่จะต้องเผชิญหน้า กับคนที่ตัวเองเรียกว่าเป็น เพื่อนสนิท แต่กลายมาเป็นคนที่โลกตะวันตกรังเกียจเพราะการสั่งกองทัพบุกเครน
นอกจากนั้น การที่ประธานาธิบดีสีเป็นผู้นำมหาอำนาจรายเดียวในงานนี้ จีนจะมีโอกาสเต็มที่ ในการส่งเสริมวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจของตน ต่อผู้นำ และตัวแทนประเทศและเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่มีวาระร่วมประชุมหารือในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ ภาวะเงินเฟ้อ ไปถึง ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และปัญหาเสถียรภาพด้านพลังงาน ที่ล้วนมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุย ตั้งแต่การประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงพนมเปญ และการประชุมสุดยอดจี-20 ที่เกาะบาหลีแล้ว
ยุน ซุน ผู้อำนวยการโครงการจีน ของสติมสัน เซ็นเตอร์ หน่วยงานคลังสมองในกรุงวอชิงตัน บอกว่า เวทีเอเปคในปีนี้ จีนคือจุดศูนย์กลางที่ดึงดูดความสนใจได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไม่มีผู้นำสหรัฐ และรัสเซีย มาแย่งความสนใจไป
ข้อความที่จีนจะส่งออกมาในงานนี้แบบเป็นนัยก็คือ การที่ผู้นำกรุงปักกิ่งมาร่วมงานนี้ แสดงให้เห็นว่า จีนต้องการมีส่วนร่วมกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากกว่าทั้งกรุงวอชิงตัน และกรุงมอสโก
ไม่นานหลังเดินทางถึงไทย ในช่วงบ่ายวานนี้ (17 พ.ย.) ประธานาธิบดีสี เข้าร่วมประชุมกับตัวแทนภาคธุรกิจ และกล่าวกับผู้ร่วมงานว่า ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกไม่ควรกลายมาเป็นเหมือนพื้นที่สวนหลังบ้านของประเทศใดประเทศหนึ่ง และไม่ควรกลายมาเป็นสนามประลองกำลังของประเทศมหาอำนาจใด ๆ
ท่าทีที่สื่อต่างประเทศ ระบุว่า ผู้นำจีนน่าจะหมายถึงสหรัฐ ที่พยายามผูกสัมพันธ์กับพันธมิตร และหุ้นส่วนในภูมิภาคนี้ เพื่อต่อกรกับอิทธิพลทางทหาร และเศรษฐกิจของจีน ที่มีลักษณะขู่กรรโชกมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในสุนทรพจน์ที่ผู้นำจีนนำเสนอต่อที่ประชุมภาคธุรกิจนี้ ประธานาธิบดีสี ระบุว่า “จะไม่ยอมให้ใครพยายามก่อสงครามเย็นครั้งใหม่” และว่า “เราควรดำเนินตามเส้นทางของการเปิดกว้างและการเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกฝ่ายควรปฏิเสธนโยบายที่ดำเนินการเพียงฝ่ายเดียว และลัทธิการคุ้มครองทางการค้า
รวมทั้ง ความพยายามใด ๆ ก็ตามที่จะนำเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ทางการค้าให้กลายมาเป็นประเด็นทางการเมืองหรือกลายมาเป็นอาวุธต่อกรกัน และความพยายามใด ๆ ที่จะรบกวน หรือแม้แต่ลบล้างห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม ที่มีแต่จะนำพาความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกไปสู่จุดจบเท่านั้น
นอกจากนั้น ประธานาธิบดีสี ยังได้จัดการประชุมทวิภาคี กับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกของผู้นำของสองประเทศในรอบเกือบ 3 ปี โดยนายกฯ คิชิดะ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน และยืนยันกับผู้นำจีนว่า ญี่ปุ่นพร้อมจะเปิดช่องทางการสื่อสารทางการทูตอย่างใกล้ชิดกับจีนด้วย ตามรายงานของรอยเตอร์
ผู้นำญี่ปุ่นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ตนและประธานาธิบดีสี เห็นพ้องต้องกันว่า รัสเซียต้องไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์โจมตียูเครน แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่า ผู้นำจีนกล่าวให้ความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทั้งนี้ ปฏิกิริยาของประเทศสมาชิกเอเปคต่อสงครามที่ดำเนินมาเกือบ 9 เดือนและส่งผลกระทบต่อราคาอาหารและพลังงาน รวมทั้งทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก ทั้งยังทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เดินหน้าไม่ได้เต็มที่ เป็นอีกประเด็นที่หลายฝ่ายจับตาดูในการประชุมนานาชาติที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ หลังการประชุมเตรียมความพร้อมก่อนหน้านี้ ไม่มีการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสงครามยูเครนเลย เนื่องจากหาข้อสรุปไม่ได้ว่า จะใช้คำพูดอย่างไร
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ประเทศไทย’ จะได้ประโยชน์อะไรจากการประชุมเอเปค 2565 บ้าง?
- โลกหวัง ประชุม ‘เอเปค-จี20’ เสริมความเป็นปึกแผ่น ในช่วงวิกฤติ
- ‘บิ๊กป้อม’ สั่งคุมเข้มขั้นสูงสุด! รักษาความปลอดภัย ‘ผู้นำประเทศ’ ประชุมเอเปค