หลังจากเข้ามาอยู่ในธุรกิจได้เพียงปีเดียว “ลัคอิน คอฟฟี” สตาร์ทอัพกาแฟชื่อดังแห่งแดนมังกร ก็ออกมาประกาศว่า กำลังจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 2,500 สาขาในปีนี้ จ่อโค่นบัลลังก์ “สตาร์บัคส์” ขึ้นเป็นเชนร้านกาแฟรายใหญ่สุดของจีน
ลัคอิน ระบุว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาในบ้านเกิดให้ได้มากกว่า 4,500 สาขา ภายในสิ้นปี 2562 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขามากกว่าคู่แข่งรายใหญ่สัญชาติอเมริกันอย่างสตาร์บัคส์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 3,600 สาขาทั่วประเทศจีน
“ลัคอินตั้งเป้าที่จะกลายเป็นแบรนด์เชนกาแฟรายใหญ่สุดของจีนภายในสิ้นปีนี้ แซงหน้าสตาร์บัคส์ทั้งในเรื่องของจำนวนกาแฟที่ขายออกไป และจำนวนสาขา” เชี่ยน จือหยา ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ระบุ
ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดใหญ่สุดอันดับ 2 ของสตาร์บัคส์รองจากสหรัฐ โดยลัคอินผงาดขึ้นมาชิงตำแหน่งเจ้าตลาดร้านกาแฟกับสตาร์บัคส์ ด้วยการเน้นดึงดูดลูกค้าหนุ่มสาวยุคเทคโนโลยี ที่ชอบใช้สมาร์ทโฟนสั่งกาแฟ และให้ไปส่งถึงที่
นอกจากนี้ ยังใช้วิธีการให้ส่วนลดเพื่อแย่งชิงลูกค้าจากคู่แข่ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์แบบเดียวกับที่สตาร์ทอัพรายอื่นๆ ของจีน ชอบใช้กัน รวมถึง ตี้ตี๋ ชูซิง บริการเรียกรถรับส่งผ่านแอพพลิเคชัน ที่ใช้วิธีนี้จนทำให้อูเบอร์ต้องออกไปจากตลาดจีน
“สิ่งที่เราต้องการในขณะนี้ คือ ขนาด และความเร็วในการเติบโต ยังไม่ถึงจุดที่จะพูดถึงเรื่องกำไรแต่อย่างใด” หยาง เฟย หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่การตลาดของลัคอิน กล่าว
เขาบอกด้วยว่า บริษัทจะเดินหน้าให้ส่วนลดต่อไปอีก 2-3 ปี เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น
“การลดราคาจะยังคงเป็นกลยุทธ์หลักของเราต่อไป อย่างน้อยก็อีก 2-3 ปีข้างหน้า นักลงทุนของเราไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย กลับกันเสียอีก พวกเขาเชื่อว่าเราทำธุรกิจแบบอนุรักษ์นิยมเกินไป”
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคจีนหันมานิยมบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นอย่างมาก แรงหนุนจากกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เคยเรียน หรือทำงานในต่างประเทศมาก่อน
ข้อมูลจากเชี่ยนจาน บริษัทที่ปรึกษา แสดงให้เห็นว่า เมื่อปี 2560 ยอดขายของร้านกาแฟในจีนโดยรวม พุ่งขึ้นถึง 30,000 ล้านหยวน และคาดว่าจะแตะระดับ 1 ล้านล้านหยวน ภายในปี 2568