“โจ ไบเดน” ระบุ สหรัฐ จะหาทางพัฒนากรอบแผนงานเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มุ่งเป้าอำนวยความสะดวกทางการค้า สร้างมาตรฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยี รวมถึง เรื่องอื่น ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน
ทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้กล่าวถึงการพัฒนากรอบแผนงานเศรษฐกิจของสหรัฐ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ขณะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ผ่านระบบการประชุมทางไกล
กรอบดังกล่าวจะ กำหนดจุดประสงค์ร่วมกันเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกการค้า มาตรฐานสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยี ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และพลังงานสะอาด สาธารณูปโภค มาตรฐานแรงงาน และขอบข่ายอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน
แม้ประกาศดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงนโยบายอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจบ่งบอกได้ว่า สหรัฐ กังวลถึงความสัมพันธ์ทางการค้าของตนกับภูมิภาคดังกล่าว ที่ยังตามหลังจีน
ทั้งนี้ สหรัฐ ไม่ได้เป็นสมาชิกของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นความตกลงการค้าเสรีของประเทศภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ที่มีมูลค่าเกือบ 30% ของเศรษฐกิจโลก และเป็นความตกลงที่จีนสนับสนุน
ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ดังกล่าวหลัง ประธานาธิบดีไบเดน เข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ผ่านการประชุมทางไกล โดยผู้นำสหรัฐ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมดังกล่าวในช่วงสี่ปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเปิดงานในการประชุมสุดยอดเมื่อปี 2560 ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ แต่ออกจากงานก่อนเริ่มการประชุม และส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นเข้าประชุมแทน
ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ร่วมประชุม ระบุ ถึงความกังวลต่าง ๆ เช่น การแผ่อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน ท่าทีที่ยั่วยุมากขึ้นของเกาหลีเหนือ และผลกระทบ หลังเหตุรัฐประหารในเมียนมา โดยมี 18 ประเทศเข้าร่วมการประชุม รวมทั้งสหรัฐ ออสเตรเลีย จีน และรัสเซีย และมีประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นเจ้าภาพจัดประชุม
นายแอรอน คอนเนลลีย์ นักวิจัยของสถาบันยุทธศาสตร์ศึกษาระหว่างประเทศ ในกรุงลอนดอน อังกฤษ ระบุว่า เป็นเรื่องน่าสนใจที่สหรัฐ เข้าร่วมการประชุมที่จัดโดยกลุ่มประเทศที่มีอำนาจน้อยกว่าอย่างอาเซียน และแสดงให้เห็นว่า สหรัฐ ให้เกียรติและนับถือประเทศเหล่านี้ ซึ่งมักเป็นท่าทีของสหรัฐ ที่เห็นไม่บ่อยนัก
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไบเดน ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดระหว่าง สหรัฐ กับอาเซียน โดยเขาบอกว่า สหรัฐจะขยายความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับอาเซียน จะมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 102 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,300 ล้านบาทให้แก่อาเซียน เพื่อสนับสนุนโครงการด้านการศึกษา สุขภาพ เศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
วงเงิน 40 ล้านดอลลาร์จากจำนวนดังกล่าว จะเป็นการสนับสนุนโครงการป้องกันและสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และวงเงิน 20.5 ล้านดอลลาร์สำหรับการแก้ปัญหาโลกร้อน
ไบเดน บอกด้วยว่า สหรัฐพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอาเซียนเพื่อผลประโยชน์และวิสัยทัศน์ร่วมกันในภูมิภาค
อ่านข่าวเพิ่มเติม
