ผู้นำสิงคโปร์ ระบุ ภาคธุรกิจอาเซียนต้องทำในส่วนของตัวเอง เพื่อสนับสนุนความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจของอาเซียน ด้วยการยอมรับการแข่งขันในบ้านเกิดมากขึ้น แลกกับการเข้าถึงตลาดในประเทศอื่นๆ
นายกรัฐมนตรีลี เซียน หลุง ผู้นำสิงคโปร์ กล่าวเปิดการประชุมสุดยอดธุรกิจ และการลงทุนอาเซียน ในวันนี้ (12 พ.ย.)ว่า ยิ่งตลาดอาเซียนมีการเปิดกว้าง รวมตัวกันมากขึ้น และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้มีส่วนแบ่งมากขึ้น และเกิดประโยชน์โดยรวมมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ดี แม้จะต้องการขยายธุรกิจในต่างประเทศ แต่ภาคธุรกิจมักจะไม่ค่อยสนับสนุนที่จะเปิดตลาดบ้านเกิดให้ต่างชาติเข้ามาแข่งขันมากขึ้น
ภาคธุรกิจมักจะล็อบบี้รัฐบาล ให้ออกกฎระเบียบ หรือปิดกั้นอุตสาหกรรมต่างๆ เอาไว้ เพื่อปกป้องตัวเอง
“แต่การที่จะได้ประโยชน์จากการรวมตัวกันของอาเซียน รวมถึง การเชื่อมโยง และเปิดตลาดนั้น ธุรกิจของเราควรที่จะพร้อมสำหรับการปรับตัว และยอมรับการแข่งขันที่มากขึ้นในตลาดบ้านเกิด เพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาดในประเทศอาเซียนอื่นๆ ได้มากขึ้น”
ทั้งนี้ นายลีขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อนักกำหนดนโยบาย และผู้นำธุรกิจราว 1,000 คน ที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ที่สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (เอแบค) จัดขึ้นนอกรอบการประชุมผู้นำอาเซียน
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวด้วยว่า เอแบคกำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงความเชื่อมโยง ทั้งด้านกายภาพ และดิจิทัล ภายในภูมิภาค อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับซัพพลายเชน และโลจิสติกส์
พร้อมกันนี้ เขายังกระตุ้นให้ภาคธุรกิจดำเนินการอย่างเต็มที่ตามคำแนะนำของเอแบคในเรื่องการเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคดิจิทัล และขยายการลงทุนในภูมิภาค
“อาเซียนมีศักยภาพอย่างมาก แต่การที่จะตระหนักถึงเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่า เราเลือกที่จะรวมตัวกันมากขึ้นหรือไม่ และมีการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายนี้ ในโลกที่พหุภาคีกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมือง”
ที่มา: Straits Times
