ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (4 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางแรงเทขายทำกำไร จากราคาหุ้นที่พุ่งสูงขึ้น เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ดาวโจนส์ ร่วงลงเกือบ 300 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 30,324.62 จุด ร่วงลง 281.86 จุด หรือ 0.92% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,736.78 จุด ลดลง 19.29 จุด หรือ 0.51% และดัชนีแนสแด็กที่ 12,867.95 จุด ลบ 20.33 จุด หรือ 0.16%
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2563 ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัว 7.3% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้น 16.3% ส่วนดัชนีแนสแด็ก ทะยานขึ้น 43.6% ทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดภายในปีเดียว นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา จากการที่นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างผันผวนในปีที่แล้ว โดยได้ทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม ในช่วงเวลาที่ ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก จนทำให้หลายประเทศประกาศมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนัก
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ฟื้นตัวขึ้นหลังจากนั้น โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน พร้อมกับอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าตลาด เพื่อช่วยเหลือเยียวยาชาวสหรัฐ และภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงท้ายปี
นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะยังคงปรับตัวขึ้นในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการเงิน และการคลังของสหรัฐ รวมทั้งการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง
นักลงทุนจับตาการเมืองสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยรัฐจอร์เจียจะจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบ 2 ในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) ขณะที่สภาคองเกรสเตรียมประกาศชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันพุธ (6 ม.ค.)
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต ต่างเดินทางไปยังรัฐจอร์เจียในวันนี้ เพื่อรณรงค์หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสอง โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นเกมการเมืองที่มีเดิมพันสูงสำหรับพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เพราะจะเป็นตัวตัดสินว่าพรรคใด จะสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็จะทำให้ทางพรรคสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร และเอื้อต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ภายใต้รัฐบาลของนายไบเดน หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โพลระบุปี 64 ‘เศรษฐกิจแย่ลง-โควิดแรงขึ้น’ – ‘บิ๊กตู่’ อยู่ยาวทั้งปี ‘ม็อบ’ ไปเรื่อยๆ
- โควิด-19 ลามรอบใหม่ ฉุด เศรษฐกิจปีวัว ‘ฟื้นตัว’ ช้ากว่าที่คาดคิด
- Bitcoin วิ่งไม่หยุด ทะลุ 34,000 ดอลลาร์ เตือนระวังปรับฐาน ฉุดราคาร่วงหนัก