World News

‘หุ้น-น้ำมัน’ปิดบวก ทองคำร่วง 1.29% จ่อหลุด 1,900 ดอลลาร์

หุ้นสหรัฐ ปิดตลาดบวกเล็กน้อย ได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจปรับดีขึ้น หนุนราคาน้ำขยับ ขณะที่ทองคำร่วงแรง 1.29% นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า

หุ้นสหรัฐ ปิดบวก ตลาดหุ้นสหรัฐ ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับดีขึ้น โดยตัวเลขการว่างงานลดลง และยอดขายบ้านปรับตัวดีขึ้นจากที่คาดการณ์ แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ ยังมีความไม่แน่นอน

หุ้นสหรัฐ

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,363.66 จุด เพิ่มขึ้น 152.84 จุด หรือ +0.54%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,453.49 จุด เพิ่มขึ้น 17.93 จุด หรือ +0.52% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,506.01 จุด เพิ่มขึ้น 21.31 จุด หรือ +0.19%

สหรัฐรายงานตัวเลขการว่างงานลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยอดขายบ้านใหม่มากกว่าที่ประเมิน โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 14 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 787,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 875,000 ราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 1 ล้านรายเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ยังรายงานว่ายอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 9.5% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 2.4% ในเดือนส.ค. สูงสุดในรอบ 14 ปี

นักลงทุนจับตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดมาหลายสัปดาห์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ แม้ล่าสุดจะเริ่มมีสัญญาณว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับอนุมัติเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐ

ราคาน้ำมันดิบ ปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์แนวโน้มความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดีขึ้น

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 40.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 42.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่ราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ร่วงลง 24.9 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1,904.6 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (23 ต.ค.) ขยับตัวสูงขึ้น ตามการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐ เมื่อวานนี้ (22 ต.ค.) ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และสัญญาณถึงความคืบหน้า ในมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจรอบใหม่ระหว่างรัฐบาลสหรัฐ กับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

หุ้นสหรัฐ

ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 23,516.06 จุด เพิ่มขึ้น 41.79 จุด หรือ 0.18% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงที่ 24,793.41 จุด เพิ่มขึ้น 7.28 จุด หรือ 0.03% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีนที่ 3,315.63 จุด ขยับขึ้นมา 3.13 จุด หรือ 0.09% ดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ที่ 3,316.77 บวก 4.27 หรือ 0.13%

ตลาดได้แรงหนุน หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐรายงานความคืบหน้าในการเจรจากับทำเนียบขาว เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวอาจจะได้รับการอนุมัติเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม นายลาร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเตือนว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นแตกต่างด้านนโยบายที่สำคัญ ซึ่งทำให้ไม่มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อนวันเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน

อย่างไรก็ดี หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ ในเอเชีย ปรับตัวลดลง ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ อินเทล ผู้ผลิตชิพรายใหญ่ รายงานผลประกอบการที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก

ทางด้านราคาน้ำมันดิบ ในตลาดเอเชียช่วงเช้านี้ เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก โดยที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ขยับเพียงเล็กน้อย ที่ 42.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ของสหรัฐ ที่ 40.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo