ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (6 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ขยับขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความหวังถึงกิจกรรมธุรกิจที่จะกระเตื้องขึ้น หลังรัฐต่างๆ ในสหรัฐ ผ่อนคลายมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งความคืบหน้าในการผลิตยาและวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า รัฐนิวยอร์กจะเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยจะมีการเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนนายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะอนุญาตให้ธุรกิจค้าปลีกบางส่วนกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ขณะที่นายเจย์ อินสลีย์ ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ประกาศแผน Safe Start ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐวอชิงตันสามารถทยอยเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 23,887.29 จุด ขยับขึ้น 4.20 จุด หรือ 0.02% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,872.60 จุด บวก 4.16 จุด หรือ 0.15% และดัชนีแนสแด็กที่ 8,894.42 จุด ปรับขึ้น 85.30 จุด หรือ 0.97%
อย่างไรก็ดี ขาขึ้นของตลาด ยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ทรุดตัวลงในเดือนเมษายน
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 20,236,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นภาวะการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2545 แต่ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 22,000,000 ตำแหน่ง หลังจากลดลง 149,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
การดิ่งลงของตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก
การจ้างงานในภาคบริการลดลงมากกว่า 16 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ส่วนการจ้างงานในภาคการผลิตลดลง 4.3 ล้านตำแหน่ง
