บรรดาสถานที่พักตากอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ผลจากการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง แผ่นดินไหว และการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะจังหวัด ภูเก็ต ของไทย ที่ต้องรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมาก หลังเกิดเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต ที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต 47 ราย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวท้องถิ่นในทันที ด้วยจำนวนการยกเลิกห้องพักอย่างน้อย 7,300 ห้อง ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ จนถึงกลางเดือนกรกฎาคม
“ครอบครัว และเพื่อนๆ ต่างบอกให้ฉันยกเลิกการเดินทาง” นักท่องเที่ยวรายหนึ่งจากมณฑลเสฉวน ของจีน บอก ขณะที่กำลังเดินอยู่บนชายหาดในภูเก็ต
ทั้งนี้ จีนถือเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่สุดของไทย ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจำนวน 9.8 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนราว 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยเมื่อปีที่แล้ว
สถานการณ์การท่องเที่ยวที่ย่ำแย่ในไทย ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทยมีคำสั่งปิดอ่าวมาหยา บนเกาะพีพีเล เมื่อเดือนมิถุนายน จากความกังวลในเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งการปิดอ่าว ที่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่อง “เดอะ บีช” จนถึงอย่างเร็วสุดในเดือนตุลาคมนั้น ทำให้ต้องพลาดช่วงพีคของการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับไทย เป็นเรื่องที่กำลังมองเห็นได้ทั่วไปในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ของประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุเรือเฟอรีล่ม ที่ทะเลสาบสุมาตรา เพราะบรรทุกน้ำหนักเกิน จนทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิตเกือบทั้งหมด
ส่วนที่ฟิลิปปินส์ ก็มีคำสั่งปิดเกาะโบราไคย์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ที่มีผู้มาเยือนปีละ 2 ล้านคน ตั้งแต่เดือนเมษายน – ตุลาคมปีนี้ ในความพยายามที่จะจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
ประเทศเหล่านี้ ยังเจอแแรงซ้ำเติมจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในภูมิภาค โดยเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งเกิดเหตุแผ่นดินไหวบนเกาะลอมบอก ของอินโดนีเซีย สร้างความเสียหายให้กับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งนี้อย่างมาก และยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เกาะบาหลี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย ยังไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมาได้เท่าเดิม หลังเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิด เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ที่มา: Nikkei Asian Review