แม้แอปเปิ้ลรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) แต่ผู้ผลิตไอโฟน สมาร์ทโฟนชื่อดังรายนี้ กลับต้องสูญเสียสถานะ ผู้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก ในแง่ยอดขาย ไปให้กับ “หัวเว่ย” คู่แข่งรายสำคัญจากจีน
บริษัทวิจัยจำนวนหนึ่ง รวมถึง อินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์เปอเรชัน (ไอดีซี) เคาน์เตอร์พอยท์ รีเสิร์ช ไอเอชเอส มาร์กิต และคานาลิส ต่างรายงานว่า หัวเว่ย ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของจีน ทะยานขึ้นมาเป็นบริษัทที่มียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนมากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกแทนที่แอปเปิ้ลแล้ว โดยพิจารณาจากจำนวนสมาร์ทโฟนที่ทั้ง 2 บริษัทจำหน่ายได้ ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
ข้อมูลเบื้องต้นจากไอดีซี ระบุว่า ในไตรมาสที่แล้ว นับถึงวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา หัวเว่ยจัดส่งสมาร์ทโฟนทั้งหมด 54.2 ล้านเครื่อง หรือเพิ่มขึ้นถึง 40.9% ต่อปี ขณะที่แอปเปิ้ลมียอดขายในไตรมาสเดียวกันนี้ราว 41.3 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะทำยอดขายได้ 41.79 ล้านเครื่อง
ยอดขายดังกล่าว ทำให้หัวเว่ยครองส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนโลกที่ 15.8% และแอปเปิ้ลที่ 12.1% โดยที่ซัมซุง จากเกาหลีใต้ ยังครองเบอร์ 1 ในตลาดนี้ ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 20.9% และถือเป็นครั้งแรกที่แอปเปิ้ลไม่ติดอยู่ใน 2 อันดับแรกของตลาดสมาร์ทโฟนโลก
บรรดานักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า การที่หัวเว่ยเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เข้าไปในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของบริษัท อย่าง เพิ่มกล้อง 3 ตัวในรุ่น พี20 โปร ดีไวซ์ ได้ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำในตลาดยุโรป และเอเชียมากขึ้น
เกอร์ริท ชนีมานน์ นักวิจัยอาวุโสด้านสมาร์ทโฟน ของไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้หัวเว่ยสามารถเทียบชั้นแข่งขันด้านราคากับคู่แข่ง อย่าง ซัมซุง ในโทรศัพท์หลายระดับ
ขณะที่คานาลิส ระบุเช่นเดียวกันว่า สมาร์ทโฟนรุ่นพี20 เป็นแรงหนุนหลักที่ทำให้หัวเว่ยทำยอดขายได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสดังกล่าว รวมถึงความสำเร็จของแบรนด์ “ออนเนอร์” ในเครือบริษัทด้วย
คานาลิส ชี้ว่า ในไตรมาสที่แล้ว หัวเว่ยมียอดขายแบรนด์ออนเนอร์ในตลาดนอกประเทศจีนราว 4 ล้านเครื่อง พุ่งขึ้นถึง 150% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
แอปเปิ้ลกำไรพุ่งกว่า 30%
เมื่อวานนี้ แอปเปิ้ล ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ของปีงบการเงินปัจจุบันของบริษัท โดยมีกำไรทะยานขึ้นมากกว่า 30% มาอยู่ที่ 11,500 ล้านดอลลาร์ แม้ไอโฟนจะทำยอดขายได้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิ้ล ระบุว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาสที่แล้ว เพิ่มขึ้น 17% มาอยู่ที่ 53,300 ล้านดอลลาร์ แรงหนุนจากยอดขายไอโฟน ที่มีราคาแพงขึ้นกว่าเดิม บริการออนไลน์ และอุปกรณ์สวมใส่ได้ชนิดต่างๆ ซึ่งถือเป็นการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน
ผลประกอบการดังกล่าว ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นแอปเปิ้ล ซื้อขายหลังปิดตลาด ททะยานขึ้นมา 4.03% มาอยู่ที่หุ้นละ 197.95 ดอลลาร์
