แม้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก มองเห็นถึงการเติบโตแบบที่ไม่มีอุตสาหกรรมใดจะมาเทียบได้ แต่บรรดาผู้บริหารระดับสูงในภาคธุรกิจนี้ ก็ยังมีความวิตกว่า จะถูกใช้เป็นหมากในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
เซมิ สมาคมซัพพลายเชนการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดการณ์ว่า ในปีนี้ ยอดขายอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์โลก จะเติบโตถึง 10.8% และ 7.7% ในปี 2562
การประเมินจากที่อื่นๆ ยังบ่งชี้ว่า มูลค่ายอดขายชิพโลก จะเพิ่มขึ้นราว 12.4% ในปี 2561 และ 4.4% ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้เป็นการขยายตัวเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยตลาดเซมิคอนดักเตอร์เคยมีการเติบโตติดต่อกันนานสุดถึง 6 ปี ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2545
แกรี ดิกเคอร์สัน ซีอีโอแอพพลายด์ แมทีเรียลส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่สุดของโลก จากสหรัฐ ระบุว่า ปัจจุบันเครื่องจักรผลิตข้อมูลได้มากกว่าที่มนุษย์เป็นคนทำ สถานการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
การเกิดเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุน “อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์” และการนำ “ปัญญาประดิษฐ์” (เอไอ) เข้ามาใช้ในวงกว้าง ช่วยหนุนการเติบโตอย่างมากของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการตอบสนองความต้องการของศูนย์ข้อมูล (data center)
อย่างไรก็ดี รายงานของเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียน รีวิว ระบุว่า แนวโน้มที่สดใสนี้ เริ่มหม่นหมองลง จากความกังวลเกี่ยวกับข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน
แม้กระทั่งบริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรม อย่าง นาโนทรอนิกส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์การตรวจสอบด้วยแสง (optical inspection) ยังวิตกถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจ
นาโนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตสินค้าภายในสหรัฐ จึงสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างกระทันหันได้ แต่บริษัทก็มีลูกค้าชาวจีนเช่นกัน ซึ่ง แมทธิว พุทแมน ซีอีโอของบริษัท หวังว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้ความต้องการชะลอตัวลง
นับตั้งแต่สงครามการค้าจีน-สหรัฐ เริ่มรุนแรงขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นของทั้งแอพพลายด์ แมทีเรียลส์ และแลม รีเสิร์ช ผู้ออกแบบ และผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์อเมริกัน ร่วงลงไปแล้วมากกว่า 20%
เซมิ ระบุด้วยว่า การเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 25% ในสินค้าที่นำเข้าจากจีน ทำให้ซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์มีต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 20-30 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่มาจากต้นทุนการจัดซื้อจัดจ้างชิ้นส่วนต่างๆ อย่าง แบริง หรือตัวรองลื่น และกระบอกสูบ
เจย์ ชิตทูแรน ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะ ของเซมิ ชี้ว่า การจัดเก็บภาษีดังกล่าว อาจขยายวงครอบคลุมไปถึงเมมโมรี ชิพ ซึ่งจะทำให้ค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไปสูงกว่า 500 ล้านดอลลาร์
ขณะที่โรเบิร์ต แมร์ ประธานบริหารเซมิคอนดักเตอร์ แอดไวเซอร์ ระบุว่า ความวิตกใหญ่สุดของอุตสาหกรรมนี้ อยู่ตรงที่ว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะควบคุมการส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ และการผลิตชิพ ไปยังจีน
ปัจจุบัน ผู้ผลิตสหรัฐ ครองส่วนแบ่งในตลาดผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์โลกราว 60% และการที่ผู้ผลิตชิพจำนวนมากสร้างฐานการผลิตในจีน ทำให้แดนมังกร มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นตลาดใหญ่สุดสำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์ที่อยู่นอกเกาหลีใต้ ภายในปี 2562