ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเนรา ผู้นำชิลี ประกาศเมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) ยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิค (เอเปค) และประชุมโลกร้อนคอป 25 ในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมนี้ หลังจากที่ประเทศตกอยู่ในภาวะกึ่งอัมพาต จากการประท้วงที่ยืดเยื้อมาร่วม 2 สัปดาห์แล้ว
การปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างการประท้วงที่กรุงซานติอาโก เมืองหลวงของชิลี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 ราย ทั้งยังทำให้รัฐมนตรีในกระทรวงหลักๆ 8 คนลาออกจากการร่วมรัฐบาลปิเนรา
“เป็นเรื่องเจ็บปวดอย่างมาก สำหรับเรื่องที่รัฐบาลต้องประกาศว่า เราจะไม่จัดประชุมผู้นำเอเปค ที่มีกำหนดจัดขึ้นในเดือนพฤศิจกายน หรือประชุมผู้นำคอป 25 ที่มีกำหนดจัดในเดือนธันวาคมแล้ว”
ผู้นำชิลี บอกด้วยว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องทำให้ทั้งการประชุมเอเปค และคอป25 เกิดปัญหา และความไม่สะดวกต่างๆ ขึ้นมาจากการตัดสินใจครั้งนี้
ทั้งนี้ การประชุมผู้นำเอเปค กำหนดที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 พฤศจิกายนนี้ และการประชุมกรอบการทำงานสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ คอป25 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม
การประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ ยังเป็นที่จับตาอย่างมาก เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เพิ่งประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ว่า อาจมีการลงนามข้อตกลงการค้าส่วนแรกระหว่างจีนกับสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าขณะนี้มีประเทศใด ที่จะเข้ารับหน้าที่จัดการประชุมดังกล่าวขึ้นมาหรือไม่
สำหรับเหตุประท้วงในชิลีนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อราว 2 สัปดาห์ที่แล้ว จากความไม่พอใจที่รัฐบาลจะขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน ในกรุงซานติอาโก ซึ่งแม้รัฐบาลจะยกเลิกแผนการนี้ไปแล้ว แต่การประท้วงก็ขยายวงกว้างไม่ถึงเรื่องอื่น เพราะชาวชิลีจำนวนหนึ่งไม่พอใจ รู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งไว้ล้าหลังจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ และเรียกร้องให้ปิเนรา ลาออกจากตำแหน่ง