กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ที่ถูกตั้งข้อหาก่อจลาจล ถูกนำตัวขึ้นศาลในวันนี้ (31 ก.ค.) ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนที่มาชุมนุมกันด้านนอกศาล ตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนที่กระบวนการไต่สวนจะเริ่มต้นขึ้น
อย่างไรก็ดี เอเอฟพีรายงานว่า ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมขึ้นศาลเพียง 4 คนเท่านั้น ก่อนที่กระบวนการดำเนินคดีจะถูกเลื่อนออกไปก่อน
ทั้งนี้ การประกาศว่าผู้ประท้วงทั้ง 44 คน จะถูกตั้งข้อหาก่อการจลาจล ที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปีนั้น ได้จุดชนวนให้เกิดการปะทะกันรอบใหม่ระหว่างตำรวจ กับผู้ประท้วง ช่วงกลางดึกคืนวานนี้ (30 ก.ค.)
ในการปะทะกันรอบล่าสุดนั้น ตำรวจได้ใช้สเปรย์พริกไทย และกระบอง ในความพยายามที่จะสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงหลายร้อยคน ที่มารวมตัวด้านหน้าสถานีตำรวจ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สนับสนุนผู้ประท้วงที่ถูกตั้งข้อหาทั้ง 44 คน
เหตุการณ์ดังกล่าว ยังเน้นให้เห็นถึงความรุนแรงของการประท้วงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาของทั้ง 2 ฝ่าย โดยตำรวจก็ใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง เข้ามาสลายการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายผู้ประท้วงก็มีของแข็งต่างๆ มาเป็นอาวุธขว้างปาเข้าใส่เจ้าหน้าที่
การตั้งข้อหาก่อจลาจลกับผู้ประท้วงทั้ง 44 ราย ยังเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังรัฐบาลปักกิ่งออกแถลงการณ์สนับสนุนนางแคร์รี หลำ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเกาะฮ่องกง และตำรวจ พร้อมประกาศว่า จะต้องมีการลงโทษผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรง
