“ไอเอ็มเอฟ” คงตัวเลขคาดการณ์จีดีพีโลกไว้ที่ 3% พร้อมเตือนว่า เศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอ และจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด
วีโอเอ รายงานอ้างการเปิดเผยของนาย ปิแอร์ โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะที่ขับเคลื่อนแบบอ่อนกำลัง ไม่ใช่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว และเริ่มตกต่ำลง เนื่องจากรอยร้าวระหว่างตะวันออก และตะวันตกที่ขยายวงกว้างขึ้น
ไอเอ็มเอฟคาดว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โลก ในปี 2566 จะอยู่ที่ 3% และจะโตช้าลงในปีหน้า ที่ 2.9% โดยภาวะถดถอยส่วนหนึ่งมาจากประเด็นความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่กระทบต่อการค้าเสรีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สงครามรัสเซียบุกยูเครนที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2565 ที่ทำให้มีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียมากมาย รวมทั้งการลดการพึ่งพาจีนมากขึ้น
นอกจากนี้ สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส อาจขยายความขัดแย้งระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก กระทบต่อการค้าในตะวันออกกลาง เพิ่มต้นทุนด้านน้ำมันทั่วโลก ซึ่งซ้ำเติมสถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งสูง เพราะสงครามรัสเซียบุกยูเครน
ทางด้านนายอาเจย์ บังกา กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารโลก กล่าวถึงสงครามที่เกิดขึ้นว่า เป็นโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรม และเป็นการแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจที่โลกไม่ต้องการ
อย่างไรก็ดี นายกูรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟ ชี้ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าเหตุรุนแรงในอิสราเอลจะกระทบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างไร แต่หากความขัดแย้งยืดเยื้อ ต้นทุนราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 10% กระทบต่อจีดีพีโลกราว 0.15% และทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นราว 0.4%
เมื่อมองเป็นรายประเทศสำคัญ ไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะโตได้ 2.1% ปีนี้ และ 1.5% ในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หรือกลุ่มยูโรโซน จะเติบโต 0.7% ปีนี้ และ 1.2% ปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะโตที่ 5% ปีนี้ และ 4.2% ปีหน้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จีน อาการหนัก! เศรษฐกิจตกอยู่ใน ‘ภาวะเงินฝืด’ หลังการฟื้นตัวสะดุด
- เศรษฐกิจอินเดีย จ่อโตแซงหน้าจีน เหตุความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์แกร่ง
- ‘เมอส์ก’ มองเศรษฐกิจจีน ปี 66 ฟื้นตัวต่ำกว่าคาด ผลกระทบจาก ‘โควิด-อสังหาฯ ซบ’