คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว หลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 11 ครั้ง นับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2565 ส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยรวม 5.25%
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณว่า ภายในสิ้นปี 2566 จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง มาอยู่ที่ระดับ 5.6% และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ลงมาอยู่ที่ระดับ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2567 ก่อนจะลดเหลือ 3.9% ในช่วงสิ้นปี 2568 และ 2.9% ในช่วงสิ้นปี 2569 พร้อมคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%
ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวมาอยู่ที่ 2.1% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.0% และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.5%, 1.8% และ 1.8% ในปี 2567, 2568 และ 2569 ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%
นอกจากนี้ เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานสู่ระดับ 3.8% ในปีนี้ และอยู่ที่ 4.1% ทั้งในปี 2567 และ 2568 ส่วนในปี 2569 อยู่ที่ระดับ 4.0% ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0%
สำหรับการคาดการณ์เงินเฟ้อนั้น เฟดประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 3.7% ในปีนี้ ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 2.6% และ 2.3% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ส่วนในปี 2569 อยู่ที่ระดับ 2.0%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด ‘แบงก์ชาติสหรัฐ’ ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ประชุมเดือนพฤศจิกายน
- ‘ยูบีเอส’ ชี้ ตัวเลข ‘เงินเฟ้อ’ สหรัฐ ต่ำกว่าคาด หนุน ‘เฟด’ ยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น
- ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ อีก 2 ครั้ง หลังไม่ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด