องค์กรอาชญากรรมไซเบอร์จากจีน ยึดแนวพรมแดนไทย-เมียนมา เป็นที่มั่น คุกคามผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก ผ่านการหลอกลวงออนไลน์ และการฉ้อโกงทางการเงิน โดยใช้ “ทาสทางไซเบอร์” ในการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ
สถาบันแห่งสันติภาพสหรัฐ (ยูเอสไอพี) ได้ออกรายงาน “A Criminal Cancer Spreads in Southeast Asia” หรือ “มะเร็งอาชญากรที่แพร่กระจายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยระบุว่า อาชญากรไซเบอร์ที่ถูกขับไล่ออกจากจีน กำลังยึดแนวพรมแดนของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง ไทย ลาว เมียนมา และกัมพูชา เป็นฐานที่มั่นใหม่ ซึ่งกลายมาเป็น “ภัยคุกคามด้านความมั่นคงทั่วโลก”
นายเจสัน ทาวเวอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเมียนมาของยูเอสไอพี กล่าวกับวีโอเอว่า กลุ่มอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้ มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก จากเดิมที่เน้นไปที่เครือข่ายพนันออนไลน์เป็นหลัก
นายทาวเวอร์ ระบุถึงวิธีการใหม่ที่อาชญากรเหล่านี้นำมาใช้เรียกว่า “การเชือดหมู” คือ การทำให้เหยื่ออ่อนแอลงทางการเงิน ก่อนที่จะเชือดในที่สุด ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ มักเริ่มจากการล่อลวงฉันชู้สาวทางออนไลน์ หรือหลอกลวงให้ลงทุนบางอย่าง โดยสัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนก้อนใหญ่ โดยผู้ที่ตกเป็นเป้าอาศัยอยู่ในสหรั{ ยุโรป ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ
รายงานชี้ว่า ชเว ก๊กโก เมืองสร้างใหม่ในรัฐกะเหรี่ยง ติดชายแดนไทย กลายมาเป็นที่มั่นของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ โดยแบ่งเป็นอย่างน้อย 17 เขตอาชญากรรมในเมืองดังกล่าว เป็นพื้นที่รวมราว 5 ล้านตารางเมตร ซึ่งประกอบด้วยอาคารสำนักงาน ที่ตั้งเรียงรายไปตามแนวแม่น้ำเมย บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา
พื้นที่ดังกล่าวควบคุมโดยกลุ่มนักลงทุนผิดกฎหมายจากจีน ซึ่งร่วมมือกับ กองกำลังติดอาวุธรักษาชายแดนกะเหรี่ยง (บีจีเอฟ)
รายงานบอกด้วยว่า เมื่อคนทำงานชาวจีนหนีกลับปักกิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 กลุ่มอาชญากรก็ได้ล่อลวงคนที่กำลังหางาน จากหลายประเทศ รวมทั้ง ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ให้ทำงานผิดกฎหมาย ด้วยการเสนอค่าจ้างราคาแพง ก่อนที่จะลักลอบนำคนเหล่านั้นข้ามพรมแดน เพื่อมาทำงานในลักษณะของ “ทาสไซเบอร์” ที่ชเว ก๊กโก
นายทาวเวอร์ ระบุว่า มีพลเมืองจากมากกว่า 30 ประเทศ ถูกลักลอบมาทำงานเป็นทาสไซเบอร์ที่เมืองนี้ และอีกหลายเมืองริมฝั่งแม่น้ำเมย ซึ่งแรงงานที่ถูกหลอกมานี้ มีเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปีด้วย
ขณะที่ รายงานของสเตรท ไทมส์ สื่อใหญ่ในสิงคโปร์ ระบุว่า มีชาวมาเลเซียราว 1,000 คนถูกบังคับล่อลวงให้มาทำงานที่ชเว ก๊กโก ขณะที่สถานทูตอินโดนีเซียในนครย่างกุ้ง เผยว่า ได้ช่วยเหลือชาวอินโดนีเซียหลายคนออกจากเมืองดังกล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยการจ่ายเงินค่าไถ่ ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า เงินค่าไถ่ตกประมาณ 8,500 ดอลลาร์ หรือราว 300,000 บาทต่อคน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เผยว่า มีชาวฟิลิปปินส์ 8 คนได้รับการช่วยเหลือออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยพวกเขาถูกหลอกให้สมัครงานออนไลน์ตำแหน่ง “ลูกค้าสัมพันธ์” ในประเทศไทย ก่อนที่จะถูกลวงให้ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี และไปจบที่ชเว ก๊กโก ในฐานะ “ทาสไซเบอร์”
นายทาวเวอร์ ชี้ว่า ปัญหาอาชญากรไซเบอร์ บริเวณพรมแดนไทย-เมียนมา กลายเป็นปัญหาระดับโลกแล้ว และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการช่วยกันแก้ไขจัดการ และจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
บรรดาสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ต่างพยายามแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการจัดตั้งโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์สมัยใหม่ และการการลักลอบขนส่งผู้อพยพข้ามพรมแดน แต่บริเวณพรมแดนไทย-เมียนมา ยังคงเป็นจุดที่ยากจะเข้าไปแก้ไขได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แฉกลโกงมิจฉาชีพแอปฯ กู้เงินออนไลน์ ได้เงินง่าย แต่น่ากลัวมาก
- แฉเบอร์มิจฉาชีพ อ้างเป็นตำรวจ หลอกโทรสายด่วน 1599 เช็กเลย!!
- ‘เวียดนาม’ จ่อบังคับ ‘ยืนยันตัวตน’ คนใช้โซเชียลมีเดีย หวังปราบโกงออนไลน์