ประธานอีซีบี ออกโรงเตือน ความบาดหมางระหว่างสหรัฐ กับจีน จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกอ่อนแอ และภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงต่อเนื่อง
นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ออกมาเตือนว่า การแบ่งขั้วเป็นฝักฝ่ายขับเคี่ยวกันทางเศรษฐกิจโลก โดยมีสหรัฐ และจีนเป็นผู้นำ จะทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นคลอน โดยจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง และทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ
นางลาการ์ด ระบุว่า หากมองข้อมูลทางเศรษฐกิจย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1900 จะเห็นว่า ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงอยู่เสมอ โดยระหว่างที่ต้องรับมือกับเงินเฟ้อนั้น ประเทศต่าง ๆ จะพยายามงด หรือลดการค้ากับประเทศคู่แข่ง และหาสินค้าจากพันธมิตรแทน
เธอบอกด้วยว่า การตัดสัมพันธ์ด้านการค้าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก อย่างเช่นกรณีของยุโรป ที่พึ่งพาสินแร่หายากจากจีนราว 98% สำหรับการผลิตโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งหากระบบห่วงโซ่อุปทาน ต้องแบ่งแยกด้วยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อจะปรับขึ้นไปที่ 5% ในเวลาอันใกล้ และ 1% ในระยะยาว
นางลาการ์ด ซึ่งรับตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรป ตั้งแต่ปี 2562 หลังจากดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มาเป็นเวลา 8 ปี ยืนยันว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป เริ่มจะเห็นผลในการต่อสู้กับเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หรือยูโรโซนบ้างแล้ว
โดยตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมีนาคม อยู่ที่ 6.9% นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และลดลงจากจุดสูงสุดที่ 10.6% ในเดือนตุลาคมปีก่อน
ในแง่ของการค้าระหว่างประเทศ ประธานอีซีบี ยังกล่าวด้วยว่า สหรัฐไม่ควรเพิกเฉยต่อบทบาทของค่าเงินดอลลาร์ ในการเป็นสกุลเงินหลักของการค้าโลก แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่ถูกท้าทายจากค่าเงินสกุลใด แต่จีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ กำลังหาหนทางในการลดการพึ่งพาสหรัฐ ซึ่งกำลังใช้อิทธิพลที่มีในการบังคับใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะกับรัสเซีย หลังการส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้ว
ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่แตกหักและขาดประสิทธิภาพ ลาการ์ดเห็นว่า สิ่งนี้จะทำให้ธนาคารกลางทั่วโลก ดำเนินการควบคุมเงินเฟ้อได้ยาก และต้องการความช่วยเหลือจากผู้กำหนดนโยบายฝั่งรัฐบาล ในการหาหนทางควบคุมเงินเฟ้อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบห่วงโซ่อุปทานและนโยบายด้านการประหยัดพลังงาน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เอดีบี’ คาดปี 66 เศรษฐกิจกำลังพัฒนาเอเชีย โต 4.8% ไทยขยายตัว 3.3% หลัง ‘จีน’ เลิกนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’
- ‘เมอส์ก’ มองเศรษฐกิจจีน ปี 66 ฟื้นตัวต่ำกว่าคาด ผลกระทบจาก ‘โควิด-อสังหาฯ ซบ’
- ‘เศรษฐีจีน’ แห่ปรับพอร์ต เน้น ‘ลงทุนต่างประเทศ’ จำกัดความเสี่ยง ‘ขาดทุน’ ในบ้านเกิด