Videos

‘นฤมล’ ชูแนวทาง ‘ลดงบประมาณ’ ดึง ‘เอกชน-ประชาชน’ ร่วมพัฒนาธุรกิจ สร้างเศรษฐกิจเข้มแข็ง

“ศ.ดร.นฤมล” ย้ำ นโยบายต้องทำได้จริง ลดพึ่งงบประมาณ ดึงเอกชน-ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม สร้างเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง

วันนี้ (9 เม.ย.) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรรมการบริหารพรรค-เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า นโยบายของพปชร.มุ่งเน้นการทำได้จริง ไม่ใช่เป็นแค่การหาเสียง เพื่อให้ได้คะแนน

นฤมล

เมื่อทำแล้วจะมีคำตอบว่าใช้งบประมาณของประเทศหรือไม่ อย่างไร รวมไปถึงแหล่งรายได้ที่จะเกิดขึ้น และที่สำคัญนโยบายต่างๆ ของพปชร. จะมองแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการดำเนินงาน และการใช้งบประมาณ

“คำว่านโยบาย ถ้าแปลกันจริง ๆ ต้องเป็นเรื่องที่มองระยะยาว ประเภททำเป็นปีแล้วเลิก หรือแค่มาเขียนบนป้ายหาเสียงไว้เฉย ๆ เพื่อให้ได้คะแนน แบบนี้สำหรับ พปชร. เราไม่เรียกว่านโยบาย เปรียบเสมือนองค์กรเราจะเลือกผู้นำ หรือทีมบริหาร เราก็ต้องดูทีมดังกล่าวมีศักยภาพ มีวิสัยทัศน์อย่างไร ไม่ใช่แข่งกันว่าใครใช้เงินเก่งกว่ากัน แต่ไม่พูดเลยว่าหาเงิน รายได้จากไหน พูดแต่จะจ่ายอย่างเดียว”

สำหรับนโยบาย พปชร.จะมีการสื่อสาร 2 ระดับคือชุดนโยบายจริง ๆ ที่จะมีเรื่องของการหารายได้ และรายได้ที่จะได้มา ในการนำไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย

ในป้ายหาเสียงอาจเห็นเพียงบางส่วนต้องมองภาพรวมทั้งก้อน ต้องคิดครบวงจร และอยากให้ทุกพรรคการเมืองคิดแบบครบวงจรจริง ๆ โดยแหล่งรายได้ที่จะนำมาทำนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้ ซึ่งไทยมีรายได้แต่ละปีมาจากการจัดเก็บภาษีต่างๆอยู่ 2.4-2.5 ล้านล้านบาท ไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่มีกันอยู่ราว 3.2-3.3 ล้านล้านบาทต่อปีจะสามารถเพิ่มส่วนนี้อย่างไร

ปัจจุบันมีการกู้อยู่ประมาณ 700,000 ล้านบาท ซึ่งเงินกู้นี้ทำได้อย่างเดียวตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ฯ บัญญัติไว้ว่า งบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศต้องมีไม่ต่ำกว่า 20% ของวงเงินทั้งหมดในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี

ด้วยข้อจำกัดในการเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นคงยาก และการกู้คงมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะติดเพดานหนี้สาธารณะ จึงมองการหาแหล่งรายได้จากทางอื่นคือการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หมายถึง การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public. Private Partnership หรือ PPP) เพื่อลดภาระรายได้ที่จะได้มาจากการเก็บภาษี

นฤมล

อีกส่วนหนึ่งคือการใช้ศักยภาพของตลาดทุน โดยการตั้งกองทุนเพื่อระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่จะเป็นเม็ดเงินลงทุน ทั้งจากนักลงทุนในไทย และต่างประเทศ แล้วก็นำเม็ดเงินดังกล่าว มาสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ก็จะทำให้เกิดธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมากมายในประเทศ และจะทำให้ออกจากกลไกการใช้หน่วยงานราชการไปขับเคลื่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo