The Bangkok Insight

สทนช.จับมือหน่วยงานเกี่ยวข้องลงใต้ตามติดสถานการณ์ ‘พายุปาบึก’ 3 ม.ค.นี้

สทนช. เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมด่วน เตรียมเฝ้าระวังพายุโซนร้อน  “ปาบึก” (PABUK) 3-5 มกราคมนี้ พร้อมเปิดศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ที่ ปภ.สุราษฎร์ธานี เฝ้าระวัง-วิเคราะห์สถานการณ์น้ำและอุทกภัยตลอด 24 ชั่วโมง

49291510 369313670298426 5755353041037426688 n

49332670 369313343631792 4838510491233943552 n

นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ครั้งที่ 1/2562  ว่า จากการประชุมและวิเคราะห์สถานการณ์ของพายุโซนร้อน  “ปาบึก”  (PABUK) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทยในช่วงวันนี้ (2 ม.ค.) โดยจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยในพื้นที่ภาคใต้ช่วงระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2562 ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุงสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และจังหวัดสตูล

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดชุมพร คาดว่าจะมีฝนตกหนักประมาณ 200-300 มิลลิเมตรต่อวัน

พื้นที่ได้รับผลกระทบ

  • วันที่ 3 มกราคม 2562 เริ่มได้รับผลกระทบ จังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
  • วันที่ 4 มกราคม 2562 จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง
  • วันที่ 5 มกราคม 2562 จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี  และหลังจากวันที่ 6 มกราคม 2562 เป็นต้นไปปริมาณฝนจะค่อยๆ เบาบางลง

49332670 369313343631792 4838510491233943552 n

สทนช. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมรองรับสถานการณ์เขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ โดยเขื่อนที่อยู่ในความดูแลของของกรมชลประทาน ได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ปริมาณน้ำ 612 ล้าน ลบ.ม.(83%) และเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 353 ล้าน ลบ.ม.(90%)

ในส่วนของเขื่อนที่อยู่ในความดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้แก่ เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 4,701 ล้าน ลบ.ม.(83%) สามารถรับน้ำ ได้อีก 938 ล้าน ลบ.ม และ เขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ปริมาณน้ำ 1,076 (74%) รับน้ำได้อีก 378 ล้าน ลบ.ม.

ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติได้สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมชลประทาน พิจารณาเร่งการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำตามข้อสั่งการของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งให้หน่วยงานที่มีอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคใต้ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80%  เร่งระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนและติดตามสภาพฝน และการระบายน้ำให้สัมพันธ์กับพื้นที่ท้ายน้ำเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน และปภ.ได้เตรียมรับสถานการณ์น้ำ และอุทกภัยในพื้นที่ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยได้เตรียมบุคลากรพร้อมจัดส่งเครื่องจักรเครื่องมือลงพื้นที่ไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งนี้บูรณาการทำงานในพื้นที่ให้สอดคล้องกับการสั่งการในการแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำและอุทกภัยได้โดยตรง

ในวันพรุ่งนี้ (3 ม.ค.) สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงพื้นที่พร้อมจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์สภาพน้ำฝน น้ำท่า และการเคลื่อนตัวของพายุ

รวมทั้งประเมินแนวโน้มสถานการณ์น้ำและอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่อาจจะเกิดกับพี่น้องประชาชน พร้อมเตือนประชาชนให้ติดตามข่าวสารจากศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติอย่างใกล้ชิด

Avatar photo