BCPG ตั้งเป้าโต 75% ใน 5 ปี ตั้งงบลงทุนกว่า 45,000 ล้าน มุ่งขยายโรงไฟฟ้าไป CLMV-เอเชียแปซิฟิค เน้นพลังงานทดแทน และสินค้าบริการด้านดิจิทัล เอนเนอร์ยี่
- บีซีพีจี วางแผนลงทุนเติบโต 75% ใน 5 ปี
- ขยายโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ไปยังประเทศกลุ่ม CLMV -เอเชียแปซิฟิค เพื่อให้ EBITDA โตต่อเนื่อง
- วางงบลงทุน ไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาทใน 5 ปี
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG กล่าวว่า แผนกลยุทธ์ 5 ปี นับจากนี้ไป จะใช้เงินลงทุนรวมมากกว่า 45,000 ล้านบาท วางเป้าหมายเติบโต เฉลี่ยปีละ 10-15 % หรือ 75% ในปี 2568 มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ผ่านยุทธ์ศาสตร์ 4E’s ประกอบด้วย
1.Expanding ขยายธุรกิจ มุ่งเน้นธุรกิจที่เป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิค โดยมีเป้าหมายพลังงานทดแทน และลงทุนโครงการ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้นในระยะยาว
2.Extending การขยายธุรกิจด้านดิจิทัล เอนเนอร์ยี่ (Digital Energy) โดยพัฒนาสินค้าและบริการแล้ว อยู่ระหว่างพัฒนาช่องทางทางการตลาด โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจด้าน Internet Service Provider ที่มีความพร้อม เรื่องช่องทางการจำหน่าย ฐานลูกค้าทั้งส่วนองค์กร และรายย่อย
รวมทั้งมีทีมขาย และหน่วยบริการหลังการขาย ที่แข็งแกร่ง ซึ่ง BCPG ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) แล้ว และอยู่ระหว่าง ทำข้อตกลงกับพันธมิตรอื่นอีกหลายราย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน และโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ
3.Enhancing มองหาโอกาส ในการเพิ่มรายได้ จากโครงการที่มีในปัจจุบัน อาทิ การใช้เทคโนโลยีไฮบริด (Hybrid) โดยการผลิตไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นต้น
4.Evaluating มีทีมเฉพาะทำหน้าที่ติดตาม และประเมินผล การดำเนินงานของทุกโครงการ เพื่อปรับปรุง พัฒนา บริหารจัดการโครงการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอดเวลา ทั้งในด้านเทคนิค และในด้านโครงสร้างทางการเงิน
สำหรับการเติบโตของบริษัทจะมาจาก 5 โครงการ สำคัญ ดังนี้
1. การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ญี่ปุ่นจำนวน 4 โครงการ กว่า 14.7 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ
2. การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น จากการพัฒนาโครงการส่วนต่อขยาย
3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 โครงการในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ได้แก่ เขื่อน Nam San 3A และเขื่อน Nam San 3B ที่จะรับรู้รายได้เต็มปี และตั้งแต่ ปี 2565 จะมีรายได้จากการขายไฟฟ้า ให้กับการไฟฟ้าเวียดนามในราคาสูงขึ้น มีการรับประกันการรับซื้อไฟในรูปแบบ Take-or-Pay และ มีเสถียรภาพมากขึ้น ด้วยการรับชำระค่าไฟฟ้า ในสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งจำนวน
4. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 600 เมกะวัตต์ ใน สปป. ลาว ที่กำลังพัฒนา ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน อิมแพค เอนเนอร์ยี่ เอเซีย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Impact Energy Asia Development Limited) เมื่อปีที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา กับบริษัทผลิตกังหันลม และ อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการอนุมัติสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าของรัฐบาลเวียดนาม คาดว่าจะก่อสร้าง และแล้วเสร็จภายในปี 2566
5. รายได้จากธุรกิจขายปลีก (Retail) อยู่ระหว่าง ทำตลาดผ่านคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจ Internet Service Provider ที่มีศักยภาพอีกหลายราย
นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า บริษัทมีโครงการที่จะสร้างสายส่งจำนวน 2 โครงการ โครงการแรกอยู่ตอนเหนือของ สปป.ลาว เป็นสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ เพื่อส่งไฟฟ้า ที่ผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งโครงการยังมีศักยภาพ ในการรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่า 500 เมกะวัตต์ ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนาม เพื่อทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามแล้ว
” ขณะนี้บริษัท พบว่ามีหลายโครงการ ที่น่าสนใจสายส่งโครงการที่ 2 ขนาด 500 กิโลโวลต์ อยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของ สปป.ลาว เพื่อส่งไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 600 เมกะวัตต์ ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งมีศักยภาพ ในการรองรับกำลังการผลิตได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ในอนาคตบริษัท มองว่าโครงการสายส่งนี้ สามารถรองรับโครงการโรงไฟฟ้าอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย”
นายบัณฑิต กล่าวตอนท้ายว่า จากการที่เราสร้างฐาน เพื่อการเติบโตที่มั่นคงของ BCPG ทั้งการขยายธุรกิจ การพัฒนาโครงการต่างๆ เทคโนโลยี จะส่งผลให้ การดำเนินงานของบริษัทเติบโต มากกว่า 75% ใน 5 ปี ข้างหน้าอย่างแน่นอน
