The Bangkok Insight

สปสช.แจ้งสิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาโรคโควิด-19 ฟรี !

สปสช.แจ้งประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท หากมีอาการเข้าข่ายสงสัยป่วย “โรคโควิด-19” ตามหลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุข เข้ารักษารพ.ตามสิทธิ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ย้ำหากอาการไม่เข้าข่าย ไม่ต้องขอตรวจ เพิ่มความเสี่ยงรับเชื้อโดยไม่จำเป็น

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา12
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สำหรับประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิบัตรทอง 30 บาทนั้น หากมีอาการเข้าข่ายสงสัยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ให้โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาล

โดยต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ แจ้งประวัติ ไม่ปกปิดข้อมูลใด ๆ เพื่อตรวจเชื้อ หากพบว่าป่วยเป็นโรคโควิด-19 จะได้รับการรักษาตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเร่งด่วน โดยทางโรงพยาบาลตามสิทธิจะประสานส่งตัวเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาทไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้พบว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง ที่หวาดกลัว แล้วต้องการไปขอรับการตรวจเชื้อจากโรงพยาบาล โดยที่ไม่มีอาการ และประวัติการสัมผัสโรค และไม่เข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังโรคอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งจะส่งผลให้โรงพยาบาลเกิดความแออัด และอาจทำให้ผู้ติดเชื้อตัวจริงเข้าไม่ถึงบริการ

ในกรณีนี้ สปสช.ขอแนะนำประชาชน ให้ทำตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ไม่แนะนำให้ไปขอตรวจ และขอใบรับรองแพทย์เนื่องจาก

1.การไปตรวจหาเชื้อในช่วงที่ไม่มีอาการ โอกาสพบเชื้อน้อยมาก หรือหากตรวจแล้วพบ ว่าเป็นลบ ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่ป่วยจึงไม่มีความจำเป็นที่จะไปขอตรวจ ในขณะที่ไม่มีอาการ

2.การไปโรงพยาบาล โดยไม่มีความจำเป็น จะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล และที่สำคัญอาจนำเชื้อต่าง ๆ ไปติดผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งมีร่างกายไม่แข็งแรงได้

3.เมื่อมีอาการตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือ รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิขโดยต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ แจ้งประวัติ ไม่ปกปิดข้อมูลใด ๆ

โดยสรุปการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท คือ

1. หากมีอาการเข้าข่ายสงสัยป่วยโรคโควิด-19 โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิ กรณีไปต่างจังหวัดให้ไปที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยต้องสวมหน้ากากอนามัย แจ้งประวัติ ไม่ปกปิดข้อมูลใด ๆ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะถูกส่งตัวรักษาตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2. หากอาการไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ แต่สงสัยเองว่าจะป่วยเป็นโรคโควิด-19 แล้วต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เอง โดยที่แพทย์ไม่ได้วินิจฉัยให้ ต้องจ่ายเงินเอง

ทั้งนี้ขอย้ำว่า ในกรณีนี้ไม่แนะนำให้ไปโรงพยาบาล เพื่อขอตรวจเอง แม้จะจ่ายเงินเอง แต่การไปโรงพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็น จะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล และเพิ่มภาระให้บุคลากรสาธารณสุขโดยไม่จำเป็น

“กรณีที่ขณะนี้มีประชาชนไปขอตรวจเ พื่ออยากทราบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร นั้น ขอยืนยัน และย้ำว่าไม่ต้องไป หากมีอาการตามเกณฑ์ ให้ไปที่โรงพยาบาลตามสิทธิที่มีอยู่ หรือหากไปต่างจังหวัด ก็เข้ารักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ “

สำหรับกรณีของสถาบันบำราศนครดูรนั้น การตรวจที่นี่ เป็นการตรวจสำหรับผู้มีอาการ เพื่อตรวจยืนยันเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจคัดกรอง ดังนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า อาการไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องไปขอตรวจ

ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการตรวจ และรักษานั้น ขณะนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตรียมงบประมาณเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ให้แก่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ สปสช.เตรียมการขอ งบกลาง เพื่อเติมให้กับหน่วยบริการในระบบ เป็นงบพิเศษกรณีโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นโรคใหม่ไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้

โควิด 01

สำหรับผู้ที่เข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องมีอาการดังนี้

1.ผู้ป่วยที่มีประวัติไข้ หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37 องศาเซลเซียสขึ้นไป ร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเร็ว หรือหายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก และมีประวัติในช่วง 14 วัน ก่อนวันเริ่มมีอาการ ดังนี้

ก.มีการเดินทางไปหรือมาจากประเทศ หรือ อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ
ข.เป็นผู้ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว ที่มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  หรือ
ค.มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

2.ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่สงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 
3.ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และเป็นบุคลากรทางการแพทย์
4.ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบเฉียบพลันชนิดรุนแรงที่หาสาเหตุไม่ได้

Avatar photo