The Bangkok Insight

IRPC ปรับกลยุทธ์ รับความท้าทาย ตลาดโลกผันผวน ปี 63

“IRPC” ปรับกลยุทธ์ รับความท้าทายตลาดโลกผันผวน ปี 63 เน้น ตลาดในประเทศ-Hedging ลดเสี่ยงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ พร้อมปรับลดซื้อน้ำมันตะวันออกกลาง 

126A7945

นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) กล่าวว่า ในปี 2563 บริษัทปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินงาน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร โดยการขยายตลาด ในประเทศเพิ่มขึ้น (Domestic First) ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของตลาดโลก เพิ่มการเจาะตลาดสินค้ามูลค่าเพิ่ม ร่วมกับพันธมิตร (Strategic Partners) และปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงานผลิต (Reliability Improvement) ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน (Hedging Management) รวมทั้งลดการพึ่งพาการใช้น้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง เพื่อบริหารความเสี่ยงแหล่งวัตถุดิบ (Secured Feedstock)

ทั้งนี้คาดความต้องการใช้น้ำมันของตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 102.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีที่แล้ว เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมัน กลับมาเดินกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตน้ำมันตามมาตรฐานน้ำมันเดินเรือใหม่ (IMO 2020) รวมทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มผ่อนคลาย โดยคาดการณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบปี 2563 อยู่ในช่วง 55 – 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

PlasticType PP

ส่วนภาพรวมตลาดปิโตรเคมี คาดว่าความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น จากการปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2563 ของธนาคารโลก เป็น 2.5% ในปี 2563 จาก 2.4% ในปี 2562 และการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ความต้องการพลาสติกในกลุ่มสินค้าเวชภัณฑ์ และสินค้าบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง (Delivery Products) สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการลดการบริโภคพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว (Single Use Plastic) ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงให้ความสำคัญ ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ด้วยการวิจัย และพัฒนา ร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง

img abs
Green ABS

รวมถึงหาพันธมิตรทางการผลิต และการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทุ่นลอยน้ำสำหรับโซลาร์เซลล์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2562 เริ่มดีขึ้น โดยขาดทุนสุทธิ 513 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2562 ที่ขาดทุนสุทธิ 1,321 ล้านบาท เป็นผลมาจากการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านราคา (Hedging) แม้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่ยืดเยื้อเรื่อยมาตั้งแต่กลางปี 2561 และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ และอิหร่าน ที่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งสูงขึ้น ประกอบกับ supply ใหม่จากจีน และมาเลเซีย ทำให้ส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์ลดลง

ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว บริษัทได้มองหาตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรม รองรับความต้องการของลูกค้า และสิ่งแวดล้อม ( Human Centric) ทำให้ลูกค้ามีความ พึงพอใจสูงสุด รวมถึงรุกธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งมีความต้องการสูงมากในแถบยุโรป

โรงงานไออาร์พีซี e1581575861631

นายนพดล กล่าวว่า ปี 2563 สถานการณ์ตลาดโลกมีแนวโน้มจะดีขึ้น จากผลจากการเซ็นสัญญาระหว่างสหรัฐ และจีน ทำให้สงครามการค้าผ่อนคลายลง ส่วนต่างราคาน้ำมันกำมะถันต่ำ (LSFO) ที่ดีขึ้น และหากแนวโน้มตลาดเป็นไปตามคาด บริษัทสามารถผลิตเต็มที่โดยเพิ่มขึ้นจาก 2 แสนบาร์เรลต่อวัน ในปี 2562 เป็น 2.15 แสนบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ IRPC ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด และ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (Thappline) เพิ่มช่องทางในการขยายตลาดโดยพัฒนาระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ จากโรงกลั่นน้ำมัน IRPC ไปสู่ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อของ Thappline เพื่อร่วมกันสร้างช่องทางขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมัน High Speed Diesel ตามมาตรฐาน Euro V และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet A1)

และคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานประจำปี 2562 ในอัตรา 0.10 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นเงินประมาณ 2,043 ล้านบาท จากกำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรร โดยจะเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 7 เมษายน 2563 ต่อไป

Avatar photo