“สนธิรัตน์” พบสร.กฟผ. ย้ำบริหารจัดการพลังงานภาพรวม แจงต้องยกเลิกประมูล LNG 1.5 ล้านตัน เหตุเดินหน้ามีปัญหาแน่ ประกาศ “รักลูกเท่ากัน” กฟผ.-ปตท. ขณะที่แกนนำสหภาพฯโวยปตท.ลอยตัวเกิน
วันนี้ ( 23 ธ.ค.) ที่กระทรวงพลังงาน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) นำโดยนายปิยะพงษ์ อนันตสุรกาจ จำนวนหลายสิบชีวิต ได้เดินทางมาพบนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมยื่นหนังสือขอความชัดเจนกรณีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของกฟผ.
โดยใจความระบุถึงความไม่ชัดเจนในนโยบายของภาครัฐ ที่จะให้กฟผ.ได้เป็น Shipper รายใหม่ เนื่องจากมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้ยกเลิกการนำเข้า LNG 1.5 ล้านตัน โดยให้กฟผ.นำเข้าเพียง 2 ล็อตรวม 130,000 ตันเท่านั้น ทำให้เกิดความสับสนในการวางแผนผลิตไฟฟ้าของกฟผ.
พร้อมกับออกแถลงการณ์เรื่อง “LNG นโยบายเพื่อประโยชน์ของชาติ หรือของนักการเมือง” ใจความสำคัญว่า ” นายสนธิรัตน์ ได้ให้สัญญากับทางสร.กฟผ.และทางผู้บริหารกฟผ.ไว้ในหลายประเด็นว่า จะเจรจากับปิโตรนาสเอง โดยจะเข้าไปจัดการปัญหาที่เกิดในระบบราชการ และข้อกฎหมายต่างๆภายในเวลา 3 เดือน และกำชับให้กฟผ.เร่งจัดหา LNG แบบ spot หากติดปัญหามาคุยในเดือนเมษายน 2563 พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ยกเลิกการประมูล 1.5 ล้านตัน แต่มติกพช.วันที่ 16 ธันวาคม 2562 กลับให้ยกเลิกการประมูล 1.5 ล้านตัน และให้ทำสัญญา DCQ จัดซื้อ LNG ระยะยาวกับปตท.ต่อ”
ในแถลงการณ์ สร.กฟผ.เชื่อมั่นว่า หากรัฐบาลดำเนินการตามนโยบายเดิม ให้กฟผ.ทดลองเป็นผู้นำเข้า LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าต่อเนื่อง กฟผ.จะดูแลค่าไฟฟ้าให้ถูกลง เป็นผลประโยชน์กับประเทศ และประชาชนแน่นอน พร้อมเชิญชวนพนักงานกฟผ.ติดตามดูนโยบาย LNG อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันจะมีการเปิดประชุมวิสามัญ ระดมสมาชิกจากทุกภาคส่วนร่วมตัดสินใจกำหนดท่าทีในเร็วๆนี้
โดยนายสนธิรัตน์ ได้ลงมาพบ และหารือกับแกนนำสร.กฟผ. พร้อมกับชี้แจงว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านของการเปิดเสรีกิจการก๊าซธรรมชาติ มีประเด็น และปัญหาที่ตนตั้งใจมาบริหารจัดการหลายเรื่อง โดยเฉพาะการยกเลิกการประมูลซื้อ LNG สัญญาระยะยาวของกฟผ.1.5 ล้านตัน เพราะการนำเข้าครั้งนี้ต้องแยกราคานำเข้าเป็น pool ที่ 2 ซึ่งกระทบค่าไฟฟ้าแน่นอน
จึงต้องการหยุดการจัดซื้อครั้งนี้ไว้ก่อน หากเดินหน้าจะเกิดปัญหาแน่นอน และการยกเลิก LNG สัญญาระยะยาวของกฟผ.1.5 ล้านตัน ไม่เกิดค่าปรับด้วย เพราะยังไม่ได้มีการลงนามในสัญญา และเรื่องนี้ได้มีโอกาสพบกับประธานบริษัท PETRONAS LNG แล้ว ยืนยันว่าการยกเลิกประมูลจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมาภารกิจจัดหาก๊าซฯเป็นของปตท.มาโดยตลอด เมื่อจะเปิดเสรีกิจการก๊าซฯ และกำหนดให้กฟผ.เป็น Shipper รายที่ 2 ต่อจากปตท. จึงต้องมาดูว่าทำอย่างไรให้สมดุล ระหว่างสัญญาจัดซื้อก๊าซฯระยะยาว กับการนำเข้าของกฟผ.
โดยหัวใจของเรื่องนี้ คือ ต้องมีการแข่งขัน และต้นทุนค่าไฟฟ้าต้องถูกลง เป็นประโยชน์กับประชาชน และ key point สำคัญ อยู่ที่ เมื่อกฟผ.เป็นผู้ใช้ก๊าซฯรายใหญ่ ปริมาณ LNG ที่จะให้กฟผ.นำเข้าเองควรเป็นเท่าใด
พร้อมกันนี้นายสนธิรัตน์ ยังได้รับปากสร.กฟผ. จะเร่งรัดโรงไฟฟ้าที่กฟผ.จะต้องดำเนินการตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี 2018 เช่น โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ขณะเดียวกันได้ระบุถึงโครงการ FSRU ( Floating Storage and Regasification Unit ) หรือโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ โครงการของกฟผ.ที่ต้องเดินคู่กับการนำเข้า LNG ก็ต้องเร่งเดินหน้าทำในพื้นที่ที่เหมาะสมด้วย
“ผมไม่เคยรักลูกไม่เท่ากัน ไม่เคยไม่รักกฟผ. ตั้งใจมาแก้ปัญหา ทำทุกอย่าง เพื่อให้การบริหารจัดการภาพรวมของพลังงานเดินหน้าได้ และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย เราต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งเป็นรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเปิดเสรีกิจการก๊าซฯ และยืนยันว่าเรานำข้อมูลจากทุกฝ่ายมาพิจารณาไม่ใช่ข้อมูลจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง “
พร้อมกับรับปากสร.กฟผ.ว่า มาพบได้ตลอดเวลา เมื่อไม่สบาบใจก็มาคุยกัน ตนเองไม่เคยปฏิเสธการพูดคุย เพราะเราเป็นครอบครัวใหญ่ เห็นไม่ตรงกันบ้าง เห็นต่างกันบ้าง แต่เป้าหมายใหญ่ คือ ประชาชน
ขณะที่แกนนำสร.กฟผ. อธิบายกับนายสนธิรัตน์ ว่า สร.กฟผ.เห็นว่าเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น จึงมีการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพราะนโยบายเกี่ยวกับ LNG กฟผ.ของกระทรวงพลังงานเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และยกเลิกการประมูล LNG 1.5 ล้านตัน บอกว่าเกรงปัญหา Take or Pay ขณะที่ผู้จัดหาก๊าซฯหลัก คือ ปตท.กลับไม่ต้องรับผิดชอบใดๆเกี่ยวกับ Take or Pay เลย
โดยย้ำว่า ภารกิจของกฟผ.เป็นประโยชน์กับประชาชน และเป็นงานประเทศ ต้องมีการวางแผน ไม่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ แต่นโยบายรัฐกลับเปลี่ยนไปมา และมายกเลิกนโยบายเสียเอง กฟผ.เหมือนถูกมัดมือชก พนักงานที่ตั้งใจทำงานไม่มั่นใจ เพราะแม้แต่ LNG จะลงนามในสัญญากับปิโตรนาสแล้ว ยังถูกยกเลิก จึงกังวลไปถึงโรงไฟฟ้าของกฟผ.ทั้ง 8 โรงตามแผนพีดีพี จะเดินหน้าได้หรือไม่ โดยย้ำว่าถ้านโยบายไม่ชัดเจน จะมาพบบ่อยๆ
