Stock

หวั่น ‘วิกฤติพลังงานยุโรป’ ทุบ ‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วงกว่า 300 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (2 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงกว่า 300 จุด ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติพลังงานในยุโรป หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานอาจเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งลดแรงกดดันที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 31,318.44 จุด ลดลง 337.98 จุด หรือ -1.07% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,924.26 จุด ลดลง 42.59 จุด หรือ -1.07% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,630.86 จุด ลดลง 154.26 จุด หรือ -1.31%

ดาวโจนส์

ในช่วงเปิดตลาด ดัชนีทะยานสูงขึ้นอย่างมาก หลังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 315,000 ตำแหน่ง ในเดือนสิงหาคม ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 300,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 526,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม

แต่ตลาดพลิกกลับลงสู่แดนลบ หลังบริษัทก๊าซพรอมของรัฐบาลรัสเซียเปิดเผยว่า บริษัทอาจไม่สามารถเริ่มการส่งมอบก๊าซได้อย่างปลอดภัย จนกว่าจะซ่อมแซมเกี่ยวกับปัญหาการรั่วไหลของก๊าซที่พบ และไม่ได้ให้กำหนดเวลาใหม่ในการเริ่มส่งก๊าซ จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มส่งออกก๊าซผ่านท่อส่งไปยังยุโรปในวันนี้ (3 ก.ย.)

หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มเดียวในเอสแอนด์พี 500 ที่ปิดตลาดในแดนบวก ขณะนี้นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนสิงหาคม ในช่วงกลางเดือนนี้ ก่อนที่เฟดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 20-21 กันยายนนี้

ความวิตกเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก ได้ฉุดราคาหุ้นลงหลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนในช่วงกลางเดือนสิงหาคม โดยเอสแอนด์พี 500 ร่วงลงราว 4% แล้วนับตั้งแต่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ แสดงความเห็นสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตลาดจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 5 กันยายนนี้ เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo