Stock

‘ดาวโจนส์’ ร่วงแรงกว่า 300 จุด กังวล ‘จ้างงาน’ แกร่ง หนุน ‘เฟด’ เร่งขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (30 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ยังร่วงแรง หลังสหรัฐเปิดตัวเลขรับสมัครงานสูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ อาจใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลของการเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 31,790.87 จุด ร่วงลง 308.12 จุด หรือ -0.96% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,986.16 จุด ลดลง 44.45 จุด หรือ -1.10% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,883.14 จุด ลดลง 134.53 จุด หรือ -1.12%

สำนักงานสถิติ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.24 ล้านตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.3 ล้านตำแหน่ง ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานดีดตัวสู่ระดับ 6.9%

ดาวโจนส์

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ราคาหุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งจัดอยู่ในหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) และมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 5% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

ความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 27.69 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 76.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายน และให้น้ำหนักเพียง 23.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 18.0% ในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.9% ในเดือนพฤษภาคม

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 103.2 ในเดือนสิงหาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 97.7 จากระดับ 95.3 ในเดือนกรกฎาคม

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค, ความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo