Stock

‘ดาวโจนส์’ ร่วง หลังพุ่งนิวไฮ รอผลประชุมเฟด

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เคลื่อนไหวในแดนลบ โดยตลาดพักฐาน หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ และก่อนหน้าที่จะรู้ผลประชุมเฟด ในคืนนี้ 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,956.52 จุด ร่วงลง 96.11 จุด หรือ 0.27% โดยเมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 36,000 จุด ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน

บริษัทจำนวนมากกว่า 50% ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว โดย 83% ในจำนวนดังกล่าวมีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ และนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึง 38.6%

Stocksbitcoin ๒๑๐๔๑๙ 0

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในแถลงการณ์หลังการประชุมวันนี้ เฟดจะประกาศปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

ที่ผ่านมา เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักในปี 2556 หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ซึ่งเป็นประธานเฟดในขณะนั้น ประกาศปรับลดวงเงิน QE โดยไม่มีการส่งสัญญาณล่วงหน้า ทำให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก และพากันเทขายหุ้นในตลาด

อย่างไรก็ดี คาดว่าการซื้อขายในตลาดจะเป็นไปอย่างราบรื่นในวันนี้ แม้ว่าเฟดประกาศปรับลดวงเงิน QE ก็ตาม เนื่องจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของนายเบอร์นันเก้ ทำให้นายพาวเวลส่งสัญญาณต่อตลาดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษของเฟด โดยเฟดจะกลับไปใช้นโยบายการเงินแบบปกติด้วยการยุติมาตรการ QE และตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

นอกจากนี้ หากเฟดสามารถเปลี่ยนผ่านนโยบายการเงินได้อย่างราบรื่น ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้นายพาวเวลได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่ง ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าว ก่อนที่นายพาวเวลจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ 2565

ขณะเดียวกัน นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกลางปีหน้า หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในเดือนกันยายน

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 571,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน จากระดับ 523,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน

ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 395,000 ตำแหน่ง โดยภาคบริการมีการจ้างงาน 458,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงาน 113,000 ตำแหน่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo