ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (14 มิ.ย.) โดยที่ “ดาวโจนส์” และ “เอสแอนด์พี 500” เดินสู่ขาลง ท่ามกลางการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังตัวของนักลงทุน ที่รอดูท่าทีของ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ ในเรื่องแนวโน้มเงินเฟ้อ และการซื้อพันธบัตรในอนาคต
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,249.18 จุด ร่วงลง 230.42 จุด หรือ 0.67% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,236.35 จุด ลดลง 11.09 จุด หรือ 0.26% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,125.36 จุด บวก 55.94 จุด หรือ 0.40%
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน โดยเฉพาะการปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และอัตราว่างงานในการประชุมดังกล่าว ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงหลังการประชุมในวันพุธ (16 มิ.ย.)
นักวิเคราะห์ คาดว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตร ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ดี คาดว่า เฟดจะเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปี ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ และจะเริ่มดำเนินการปรับลด QE ในเดือนธันวาคม หรือต้นปีหน้า ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566
การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ จะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว เฟดต้องจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุ มที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้น เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อปีที่แล้ว โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ ซึ่งเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ
สำหรับในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ปีนี้ คาดว่านายพาวเวลจะส่งสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานสหรัฐ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ออกมาส่งสัญญาณให้ตลาดการเงิน เตรียมพร้อมรับการถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของเฟดก่อนหน้านี้
ที่ผ่านมา ประเทศในตลาดเกิดใหม่ และกำลังพัฒนามักได้รับความเสี่ยงสูงสุด จากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน และหากเฟดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินด้วยการปรับลด QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลกลับไปยังสหรัฐ และกระทบอย่างหนักต่อตลาดเกิดใหม่ ดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 2541 และ 2556
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เงินเฟ้อสหรัฐเดือนพ.ค. พุ่ง 5% มากสุดในรอบ 13 ปี
- น้ำมัน-อาหารสดพุ่ง! ดันเงินเฟ้อพ.ค. เพิ่ม 2.44% ขยายตัวเดือนที่ 2
- เปิดฐานะการคลังช่วง 7 เดือนแรกรัฐบาลกู้ชดเชยขาดดุลพุ่ง 68.6%