ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (4 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ลดลง 147.16 จุด จากการตลาดปรับฐาน หลังจากพุ่งแรงก่อนหน้านี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 36,098.34 จุด ลดลง 147.16 จุด หรือ 0.41% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,551.84 จุด ขยับลงมา 42.79 จุด หรือ 0.93% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 14,082.13 จุด ร่วงลง 222.91 จุด หรือ 1.56%
ตลาดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 9.4% และปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์ ขณะที่เอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปิดตลาดสูงสุดในปี 2566 และปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์เช่นกัน ส่วนแนสแด็กพุ่งขึ้น 37% นับตั้งแต่ต้นปี 2566
การซื้อขายในตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หลังขึ้นไปแล้ว 11 ครั้ง นับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2565 ส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยรวม 5.25%
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน ในวันที่ 12-13 ธันวาคมนี้
ตามกฎระเบียบของเฟดนั้น ห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็น หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period ที่เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
ล่าสุด นักลงทุนเทน้ำหนัก 97.5% คาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า และให้น้ำหนัก 83.8% ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม 2567 โดยจะลดดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนมีนาคม 2567
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยโค้งสุดท้าย! แนะเก็บหุ้นปันผล รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
- 9 เดือนแรกปีนี้ หุ้นอะไรบ้างให้ผลตอบแทนสูงสุด
- ตลท. ชี้ความขัดแย้งตะวันออกกลางกดดันหุ้นทั่วโลก แนะติดตามข้อมูลรอบด้าน
