ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (1 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ขยับขึ้นเล็กน้อย 69.59 จุด จากการที่ตลาดหุ้นพักฐาน หลังจากพุ่งแรงในเดือนพฤศจิกายน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 36,020.48 จุด เพิ่มขึ้น 69.59 จุด หรือ 0.19% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,565.75 จุด ลดลง 2.05 จุด หรือ 0.04% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,175.74 จุด ลดลง 50.48 จุด หรือ 0.35%
ตลาดปรับตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนพฤศจิกายน โดยดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 8.8% ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500ทะยานขึ้น 8.9% ส่วนดัชนีแนสแด็ก พุ่งขึ้น 10.7% โดยทั้ง 2 ดัชนี ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565
การซื้อขายในตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติวงจรขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หลังขึ้นดอกเบี้ย ไป 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2565 ส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยรวม 5.25%
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนนี้
นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) ก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน ในวันที่ 12-13 ธันวาคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยโค้งสุดท้าย! แนะเก็บหุ้นปันผล รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
- 9 เดือนแรกปีนี้ หุ้นอะไรบ้างให้ผลตอบแทนสูงสุด
- ตลท. ชี้ความขัดแย้งตะวันออกกลางกดดันหุ้นทั่วโลก แนะติดตามข้อมูลรอบด้าน
