ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานกว่า 200 จุด ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และดัชนีภาคบริการที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,123.63 จุด ทะยานขึ้น 284.55 จุด หรือ 0.84% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,368.31 จุด เพิ่มขึ้น 50.53 จุด หรือ 1.17% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 13,486.81 จุด เพิ่มขึ้น 192.62 จุด หรือ 1.45%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%
ทั้งนี้ นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดในวันนี้ และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม 2567 เร็วขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน 2567
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 90.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธันวาคม และคาดว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนมกราคม และเดือนมีนาคม 2567 ก่อนที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 4.6% หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยโค้งสุดท้าย! แนะเก็บหุ้นปันผล รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
- 9 เดือนแรกปีนี้ หุ้นอะไรบ้างให้ผลตอบแทนสูงสุด
- ตลท. ชี้ความขัดแย้งตะวันออกกลางกดดันหุ้นทั่วโลก แนะติดตามข้อมูลรอบด้าน