Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วง 251.63 จุด ‘แนสแด็ก’ ปรับฐาน วิตก ‘เฟด’ ตรึงดอกเบี้ยสูง

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (26 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วง 251.63 จุด ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลว่า “เฟด” อาจตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐ ขยายตัวมากสุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะ “แนสแด็ก” ดิ่งหนัก เจอแรงเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 32,784.30 จุด ลดลง 251.63 จุด หรือ -0.76% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,137.23 จุด ลดลง 49.54 จุด หรือ -1.18% และอ ปิดที่ 12,595.61 จุด ลดลง 225.62 จุด หรือ -1.76%

ดาวโจนส์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/2566 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.9% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.7% หลังขยายตัว 2.0% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ

นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้จีดีพีไตรมาส 3 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะรอดพ้นจากภาวะถดถอย แต่นักลงทุนก็กังวลว่า เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คิด

ขณะที่ การดิ่งลงของดัชนีแนสแด็ก หลังจากที่ทรุดตัวลง 2.4% เมื่อวันพุธ (25 ต.ค.) ตามการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ดัชนีแนสแด็ก เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Market Correction) แล้ว  เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นของ 7 บริษัทในกลุ่ม “Magnificent Seven” หรือ 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีทุนจดทะเบียนสูงและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาด ซึ่งได้แก่ไมโครซอฟท์ แอปเปิ้ล อัลฟาเบท อะเมซอน เทสลา เมตา แพลตฟอร์มส์ และเอนวิเดีย

ความผิดหวังที่มีต่อผลประกอบการและความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยสูง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo