Stock

SET โค้งสุดท้ายปลายปี จะยืนเหนือ 1,500 ได้หรือไม่?

เป้าหมาย SET โค้งสุดท้ายปลายปี จะยืนเหนือ 1,500 ได้หรือไม่?

เข้าสู่ช่วงปลายปี 2566 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดหุ้นไทยทำผลงานได้ต่ำกว่าคาด จากที่ช่วงต้นปีหลายบทวิเคราะห์ให้ความเห็นตรงกันว่าอย่างน้อยๆ SET Index ก็น่าจะยืนระยะอยู่แถว 1,500-1,600 จุดได้ไม่ยาก เพราะสิ้นเดือนธันวาคม 2565 SET Index ปิดที่ 1,668.66 จุด ซึ่งได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง ได้แก่ บริการ เทคโนโลยี ทรัพยากร และอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

แต่พอเข้าจริงแล้วปีนี้ SET Index กลายเป็นไม่กี่ตลาดหุ้นในโลกที่ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ด้วยหลากหลายเหตุผล ทั้งเศรษฐกิจไทยไม่ได้เติบโตโดดเด่นเท่าที่คาดหวัง ภาวะดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น ความไม่ชัดเจนทางการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ ตลอดจนกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดไทยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

กระทั่งล่าสุด SET Index ก็ไหลลงไปต่ำกว่า 1,500 จุดอีกครั้ง ถือเป็นจุดจิตวิยาสำคัญที่ตลาดค่อนข้างกังวลมากทีเดียว คำถามคือในช่วง 3 เดือน ที่เหลือต่อจากนี้ หุ้นไทยจะพลิกฟื้นกลับมาได้หรือไม่ ตอนจบจะสวยงามหรือน่าผิดหวัง และมีปัจจัยอะไรบ้างที่เราต้องรู้

shutterstock 2006060309

บทวิเคราะห์ บล. เกียรตินาคินภัทร ได้มีการอัปเดตคาดการณ์ตัวเลขดัชนีหุ้นไทย โดยคงเป้าหมาย SET Index target ปี 2566 ไว้ที่ระดับ 1,480 จุด ด้วยมุมมองระมัดระวังต่อนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยที่จะมีนัยยะจำกัดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย

แม้ว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่จะมีผลบวกในระยะสั้น แต่จะมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว อย่างเช่นในด้านการหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้จ่ายในนโยบายดังกล่าวที่จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดไทยปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงจากนโยบายลดราคาพลังงาน จะนำไปสู่การนำเข้าพลังงานเพิ่มขึ้น ที่จะกระทบต่อการขาดดุลการค้ามากขึ้น

แต่ขณะเดียวกันก็ยังมุมมองบวกต่อหุ้นบางกลุ่ม ดังต่อไปนี้

1. หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ปัจจัยบวกจากโมเมนตัมของผลประกอบการ แนวโน้มประชากรสูงอายุ และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

2. หุ้นกลุ่มพลังงาน ปัจจัยบวกจากSeasonality Effect และตัวเลขการลงทุน CAPEX ที่ต่ำ

3. หุ้นกลุ่มการขนส่ง เนื่องจากการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

4. หุ้นกลุ่มบริการ (การท่องเที่ยว) เพราะความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

5. หุ้นกลุ่มสินค้าจำเป็น (อาหาร) Valuation ไม่แพงใกล้กับระดับต่ำสุด ประกอบกับเป็นกลุ่มสินค้าจำเป็นและต้านทานเงินเฟ้อ

shutterstock 1704467008 1

ข้างต้นเป็นมุมมองของบทวิเคราะห์ที่ค่อนข้าง Conservative ต่อตลาดหุ้นไทย แต่ก็มีบางค่ายที่มองสวนว่าหุ้นไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ดี อาทิ บล. กสิกรไทย ให้เป้าหมาย SET Index ปี 2566 ที่ 1,666 จุด ด้วยความน่าดึงดูดจากแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดเป้าหมาย SET Index ปี 2566 อยู่ที่ 1,650 จุด เนื่องจากประเมินว่าหุ้นไทยในอนาคตมีความหวังจากความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้อีก 1% พร้อมกันนี้คาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดไทยอีกครั้ง

แต่ภาพรวมการลงทุนก็มีความเสี่ยงสำคัญ 2 ประการที่ยากจะมองข้าม ประการแรก คือการเกิดเอลนีโญระดับรุนแรงที่จะสร้างความเสียหายต่อผลผลิตของเกษตรกร ประการที่สอง คือในกรณีที่รัฐบาลเลือกที่จะกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการคลัง

กลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำโฟกัสหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือทำจุดต่ำสุดแล้ว และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นหุ้นวัฏจักรที่มีความสัมพันธ์กับการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคภายในประเทศสูง

หุ้นเด่นในไตรมาส 4 ของ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ได้แก่ AOT ยอด Traffic เติบโตแข็งแกร่ง กำไรเติบโตแข็งแกร่ง, BCH กำไรฟื้นตัวตามการปรับเพิ่มอัตราการเหมาจ่ายของประกันสังคม ส่วน Valuation ก็สมเหตุสมผล, CRC กำไรฟื้นตัวเพราะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, KCE แรงกดดันด้านต้นทุนลดลง อุปสงค์ฟื้นตัว การเติมสินค้าคงคลังของจีน และกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว, KTB แนวโน้มกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน