Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วงกว่า 100 จุด กังวล ‘ดอกเบี้ย’ อยู่ในระดับสูงนานเกินคาด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (22 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงมากกว่า 100 จุด เหตุนักลงทุนยังกังวล “ธนาคารกลางสหรัฐ” จะคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้

ตลาดยังกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,288.83 จุด ลดลง 174.86 จุด หรือ -0.51% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,387.55 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.28% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,505.87 จุด เพิ่มขึ้น 8.28 จุด หรือ +0.06%

ดาวโจนส์

นักวิเคราะห์ ระบุว่า การที่นักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน เพื่อสกัดเงินเฟ้อ เป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง และทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และผู้บริโภค

นักลงทุนคาดหวังว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนขึ้น ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์นี้ (25 ส.ค.)

ขณะที่ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร ดิ่งลง 2.4% และดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค ร่วงลง 2.7% หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารคีย์คอร์ป โคเมริกา อิงค์ วัลเลย์ เนชันแนล แบงคอร์ป ยูเอ็มบี ไฟแนนเชียล คอร์ป และแอสโซซิเอทเต็ด แบงก์-คอร์ป ลง 1 ขั้น โดยระบุถึงผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และการโยกย้ายเงินฝากที่เกิดขึ้นทั่วทั้งภาคธนาคาร

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ เกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความเชื่อถือของธนาคารขนาดกลาง และขนาดเล็กของสหรัฐจำนวน 10 แห่งลง 1 ขั้น โดยเตือนว่า ภาคธนาคารสหรัฐเผชิญความเสี่ยงจากต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้น การลดลงของเงินฝาก และอัตราการทำกำไรที่อ่อนแอลง หลังการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB)

ดาวโจนส์

หุ้นในกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าร่วงลง โดยหุ้นนอร์ดสรอม ร่วงลง 9.8% ส่วนหุ้นเมซีส์ อิงค์ ดิ่งลง 14.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2/2566 ลดลง 7.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 6.48% นอกจากนี้ เมซีส์ยังคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงเทศกาลวันหยุดที่จะถึงนี้

นักลงทุนจับตาผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2567 ของบริษัทเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ที่จะประกาศในวันนี้ หลังบริษัทรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2567

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo