Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดลด 36.97 จุด เจอแรงฉุด ‘บอนด์ยิลด์’ พุ่งสุดรอบ 16 ปี

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (21 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ลดลงเล็กน้อย 36.97 จุด สวนทางกับ “แนสแด็ก” ที่พุ่งกว่า 200 จุด แรงหนุนจากการเข้าซื้อหุ้นเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ก่อนบริษัทรายงานผลประกอบการวันพรุ่งนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,463.69 จุด ลดลง 36.97 จุด หรือ -0.11% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,399.77 จุด เพิ่มขึ้น 30.06 จุด หรือ +0.69% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,497.59 จุด เพิ่มขึ้น 206.81 จุด หรือ +1.56%

ดาวโจนส์

ดาวโจนส์ เจอแรงฉุด จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยิลด์) อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.34% สูงสุดในรอบ 16 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2550  เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และผู้บริโภค

อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริษัทผลิตชิป เป็นปัจจัยหนุนดัชนีแนสแด็ก และเอสแอนด์พี 500 ให้ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นเอ็นวิเดีย ที่พุ่งขึ้น 8.47% ปิดที่ระดับ 469.67 ดอลลาร์ หลังนักวิเคราะห์เอชเอสบีซี ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นตัวนี้ ขึ้นสู่ระดับ 780 ดอลลาร์

นักลงทุนคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2567 ของเอ็นวิเดียซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ (23 ส.ค.)จะออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาหุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้นไปแล้วว่า 220% ขานรับมุมมองบวกที่ว่า จะได้ประโยชน์จากการที่บริษัทจำนวนมากหันมาเพิ่มการใช้จ่ายในการซื้อชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI)

นักลงทุนยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์นี้ (25 ส.ค.) เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 24-26 สิงหาคมนี้ ภายใต้หัวข้อ “Structural Shifts in the Global Economy”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo