Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดร่วง 361.24 จุด วิตกดอกเบี้ยพุ่งสูง ฟิทช์ขู่หั่นเครดิตแบงก์สหรัฐ

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (15 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงแรงหลุดระดับ 35,000 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นมากกว่าคาด ทำนักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงนานขึ้น ทั้งยังได้รับผลกระทบจากการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ขู่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,946.39 จุด ลดลง 361.24 จุด หรือ -1.02% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,437.86 จุด ลดลง 51.86 จุด หรือ -1.16% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,631.05 จุด ลดลง 157.28 จุด หรือ -1.14%

ดาวโจนส์

นักวิเคราะห์ ชี้ว่า ตลาดถูกกดดันจากข่าวฟิทช์ขู่ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐ รวมทั้งรายงานยอดค้าปลีกที่ออกมาสูงเกินคาด โดยแม้ว่านักลงทุนยังคงให้น้ำหนักเกือบ 90% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนกันยายน หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีก

แต่นักลงทุนก็กังวลว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเช่นนี้ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปัจจุบันนั้น ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ขู่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐหลายแห่ง รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พร้อมกับเตือนว่าหากฟิทช์ทำการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง สู่ระดับ A+

สิ่งนี้จะส่งผลให้ฟิทช์ต้องทำการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารมากกว่า 70 แห่งในสหรัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่ง

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมพุ่งขึ้น 3.17% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.50% และเมื่อเทียบรายเดือน ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% โดยแรงหนุนจากยอดขายออนไลน์ในวัน Amazon Prime Day

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo