Stock

มุมมองหุ้นโรงไฟฟ้า กับ 3 ปัจจัยที่ต้องติดตาม

ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าโดยส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากแรงกดดันหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการที่ US Bond Yield ระยะ 10 ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และกำลังเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นเต็มตัว  ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า

อีกทั้งยังมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับค่า Ft ลง เพราะเชื่อว่าช่วงก่อนหน้านี้ ค่า Ft ไทยได้ปรับขึ้นจนสุดแล้ว และกําลังเป็นขาลงสอดคล้องกับราคาพลังงานในตลาดโลก ประกอบกับมีประเด็น negative surprise จากผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ที่ต่ำกว่าประมาณการค่อนข้างมาก ซึ่งเกิดจากประสิทธิภาพการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของบางโครงการ

ปรับมุมมองหุ้นโรงไฟฟ้า e1680669338901

บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จึงได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า (Neutral Downgraded) จาก Overweight เป็น Neutral และอัปเดตแนวโน้มของกลุ่ม โดยมองว่าผู้เล่นรายใหญ่จะเป็นตัวนําตลาดในปี 2566 จากแนวโน้มการเติบโตที่เหนือกว่า มีความชํานาญในหลายด้าน เครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวาง งบดุลที่แข็งแกร่ง และเครดิตเรตติ้งที่สูงกว่า สำหรับผู้เล่นที่เข้าเกณฑ์ของเคจีไอ นําโดย GULF รองลงมาคือ BGRIM และ GPSC

อย่างไรก็ดี ภาพรวมพบว่ายังมี 3 ปัจจัยลบที่ต้องติดตามใกล้ชิด ได้แก่

ปัยจัยลบที่ 1 ความหวังที่บางเบาของการออกแผน PDPs ฉบับใหม่ของประเทศไทยและเวียดนาม ที่น่าจะถูกเลื่อนจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ โดยในส่วนของไทย PDP น่าจะเป็นฉบับปรับปรุงมากกว่าจะเป็นฉบับใหม่ เนื่องจากกําลังจะมีการจัดการเลือกตั้ง ในขณะเดียวกันเวียดนามยังคงเผชิญกับปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง

shutterstock 1469789084

ปัยจัยลบที่ 2 สภาวะการแข่งขันที่สูง และวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น บริษัทน้ำมันและก๊าซต่างเข้ามามีบทบาทในการเข้ามาร่วมกับกระแสตรงนี้ด้วยซึ่งทําให้การแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น นอกจากนี้ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่ดําเนินต่อเนื่องตลอดปี 2566 ซึ่งจะทําให้หาดีลใหม่ๆ ที่มี IRRs น่าสนใจเหมือนในอดีตทำได้ยาก

ปัจจัยลบที่ 3 คาดเห็นการปรับลดกําไรของตลาด จากความล่าช้าในการปิดดีล, ค่า Ft ที่จะพลิกมาลดลง, การขายการลงทุน, และผลการดําเนินงานของบางโครงการอ่อนแอลง เรามองว่าโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPPs) ยังมี downside อีก

 ปัจจัยบวกที่น่าจะช่วยหนุนราคาหุ้นได้ ประกอบด้วย

1. กําไรของกลุ่มที่คาดว่าจะดีขึ้น ในปี 2566 นําโดย GULF, GPSC, RATCH และ BGRIM ซึ่งคาดว่ากําไรจะออกมาน่าประทับใจจาก
โครงการที่อยู่ใน pipeline และ margin ที่ดีขึ้น

2. ปัจจัยภายนอกส่งผลดีต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ ราคาน้ำามัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ต่อไทย

ทว่าโดยภาพรวมจะเห็นว่ามี 3 ปัจจัยลบซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 2 ปัจจัยบวก แถมปัจจัยบวกดังกล่าวน่าจะสะท้อนไประดับหนึ่งแล้ว ทางนักวิเคราะห์จึงปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงมายกแผง ทําให้ risk/reward ของหุ้นกลุ่มนี้ดูน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมดูเป็นบวกน้อยลง

shutterstock 1112383511

โดยเลือก GULF เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ เพราะนอกจากจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างราบรื่นแล้ว กลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งกระจายธุรกิจ โดยมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และศักยภาพสูงทําให้ GULF ดูน่าสนใจมากกว่า และแตกต่างจากหุ้นอื่นในกลุ่ม

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน