“MSCI Index” ถือเป็นดัชนีสำคัญที่ชี้วัดความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดทุนในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งจัดทำขึ้นโดย Morgan Stanley Capital International เพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ได้นำมาใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลตอบแทนผลการลงทุน
ทั้งตลาดของประเทศที่พัฒนาแล้ว ตลาดเกิดใหม่ หรือแบ่งตามประเภทของหุ้น เช่น หุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นที่มีการเติบโตสูง
ทำให้หุ้นไทยที่ถูกเข้าคำนวณใน MSIC จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ที่ใช้ดัชนีดังกล่าวเป็นองค์ประกอบการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ต เพราะเชื่อมั่นว่าจ ะต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี สภาพคล่องสูง พร้อมทั้งมีฟรีโฟลตและมูลค่าหลักทรัพย์เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณา
ล่าสุด MSCI Global Standard Index ได้ประกาศหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าบรรจุในดัชนีรอบล่าสุดที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ โดยในรอบนี้ไม่มีหุ้นไทยตัวไหนที่หลุดออกจากการคำนวณ MSCI Thailand นำโดยบริษัทชั้นนำของประเทศ เช่น CPALL, CPF, PTT, PTTEP, PTTGC, OR, BEM, AOT, SCC, GULF, EA และ KBANK
แต่ที่น่าสนใจ คือการมีหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าบรรจุในดัชนีรอบล่าสุด คือ BANPU หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นการขยับขึ้นมาจาก MSCI Global Small Cap ทำให้ปัจจุบัน MSCI Thailand มีหุ้นที่ถูกคำนวณรวมทั้งหมด 43 หลักทรัพย์
สังเกตได้ว่าการที่ BANPU ย้ายจากดัชนีเล็กไปใหญ่ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นใจปัจจัยพื้นฐานที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องของสภาพคล่องที่ดีขึ้นด้วย
หลังมีรายงานข่าวดังกล่าวออกมา ก็ทำให้ราคาหุ้น BANPU เคลื่อนไหวสอดรับประเด็นบวกทันที หลังจากที่ซึม ๆ ไปหลายวัน
ทั้งนี้ คาดว่า BANPU จะรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประมาณวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 สามารถทำรายได้รวม 192,074.67 ล้านบาท หนุนกำไรสุทธิเป็น 40,797.23 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 540% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นักวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินว่า BANPU จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 4/65 ในระดับแข็งแกร่งที่ 14,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นและผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน (hedging loss) ที่ลดลง
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าราคาขายเฉลี่ยของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ นั้นได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะค่อยๆ ปรับตัวสู่ระดับปกติมากขึ้น แต่ใน 2566 ยังคงมองว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าในอดีตอยู่ดี ส่วนในแง่หนึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจโรงไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง
ราคาหุ้น BANPU ถือว่า underperform SET ประมาณ 17% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวโน้มราคาถ่านหินและก๊าซฯ ที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วจากอุปสงค์ในฤดูหนาวที่น้อยกว่าคาด ราคาปิดล่าสุดสะท้อน PBV ปี 2566 น่าสนใจที่ระดับ 0.77 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง
นอกจากนี้ ในฝั่งของ MSCI Global Small Cap มีหุ้นเข้าใหม่เช่นกัน คือ AURA, BTG, ONEE, SNNP และ THCOM ส่วนหุ้นที่ถูกปรับออก คือ COM7, TIDLOR, TISCO ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มนี้ไม่มากก็น้อย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘KTB’ โดดเด่นสุด…กำไรแบงก์ปี 2565
- ยกเว้น ‘ภาษี-ค่าธรรมเนียม’ ส่งเสริมการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ ผ่านกองทรัสต์ ถึงสิ้นปี 67
- หุ้น SET50 ทุกตัวในปี 2566 ทำธุรกิจอะไรบ้าง
