ธนาคารกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มที่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อย ช่วงครึ่งแรกปี 2565 จับตาแรงกดดันจาก 3 ปัจจัย ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก แนะปรับพอร์ตลงทุน กระจายความเสี่ยง
ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนในปีนี้เป็นปีที่ท้าทายจากแรงกดดัน 3 ปัจจัยสำคัญคือ กำลังการผลิตยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ ภาคการผลิตยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้เต็มกำลัง ประกอบกับความต้องการสินค้าเพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการที่มากขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตมีจำกัด ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง จากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวอย่างผันผวน (Stagflation)
สุดท้ายคือ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังเห็นการใช้กำลังปะทะกันต่อเนื่อง และล่าสุด ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) กำลังพิจารณาคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียตามรอยสหรัฐ เป็นประเด็นที่ต้องติดตามเพราะหลายประเทศในยุโรปจำเป็นต้องพึ่งพานำเข้าพลังงานน้ำมัน
กสิกรไทย แนะกระจายลงทุน ลดความเสี่ยง
ดร.พิพัฒน์พงศ์ ระบุว่า ด้านที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุดคือ เงินเฟ้อพุ่ง ของแพง ต้นทุนพลังงาน ต้นทุนธุรกิจสูง ในขณะที่ตลาดเงินตลาดทุนของไทยมีความผันผวนมากขึ้น ควรปรับแนวทางการลงทุน เพื่อหาผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ
โดยทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) หรือกระจายความเสี่ยงด้วยทองคำ ภายใต้สัดส่วน 5%-10% และในช่วงดอกเบี้ยขาขี้น ควรลงทุนในกลุ่มธุรกิจ หรือกองทุนรวม เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เตรียมตัวตั้งแต่วันนี้! ‘กสิกรไทย’ แนะวิธีวางแผนการเงิน หลัง ‘วิกฤติสังคมสูงวัย’ ทำค่าใช้จ่ายหลังเกษียณพุ่ง
- เปิดตัว ‘Wealth PLUS’ ฟีเจอร์ช่วยจัดพอร์ตลงทุนส่วนตัวบน K PLUS
- กลยุทธ์วางแผนการเงิน มุ่งสู่ความมั่งคั่ง หลังถอดบทเรียนโควิด-19