Finance

ธปท.หนุนธนาคารพาณิชย์ควบรวมกิจการ

วิรไท สันติประภพ2
ภาพจาก bot.or.th

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศมีการควบรวมกิจการ โดยมีระยะเวลาจนถึง 31 ธันวาคม 2565 ว่า เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์มีการควบรวมกิจการ เพื่อเพิ่มขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นสามารถแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยเป็นมาตรการสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละสถาบันการเงินเอง แต่หากธนาคารพาณิชย์ไทยมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะเป็นโอกาสให้สามารถแข่งขันได้ ลดต้นทุนการบริหารจัดการ มีความเข้มแข็งมากขึ้น บริหารความเสี่ยงและสามารถตอบโจทย์ธุรกิจขนาดใหญ่ได้ เพราะปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีขนาดไม่ใหญ่และบางแห่งมีพันธมิตรเป็นผู้ถือหุ้นต่างประเทศอยู่แล้ว

ทั้งนี้ การกำหนดกรอบระยะเวลาที่สามารถใช้มาตรการนี้ ตั้งแต่เกิดการควบรวมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เพื่อเป็นมาตรการจูงใจให้มีการควบรวม เพราะหากไม่มีระยะเวลากำหนด ก็จะไม่ทำให้สถาบันการเงินไม่รู้สึกตื่นตัวและไม่เป็นการจูงใจ โดย ธปท.จะไม่กำหนดว่าสถาบันการเงินของไทยในระยะต่อไปจะมีจำนวนเท่าใด ขึ้นอยู่กับกลไกของตลาดเป็นผู้กำหนดว่าควรมีเท่าใด แต่ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะดีที่จะเกิดการควบรวมกัน เพราะจะได้สิทธิพิเศษทางภาษีตามมาตรการที่ออกมา

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากขนาดของธนาคารพาณิชย์ไม่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะไม่สามารถรองรับการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้นั้น มองว่าการระดมทุนทำได้หลายรูปแบบทั้งในตลาดทุนและการออกตราสารหนี้ ซึ่งต้องนำหลาย ๆ เรื่องมาประกอบการ และจะต้องมีช่องทางที่มีประสิทธิภาพ มีจังหวะที่ดีจึงจะสามารถตอบโจทย์ที่หลากหลายได้

นอกจากนี้ ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้ทำให้รายได้ภาษีของรัฐบาลหายไป เพราะรัฐบาลไม่ได้มีรายได้จากการเก็บภาษีจากสถาบันการเงินอยู่แล้ว แต่เป็นการลดภาษีที่เป็นอุปสรรค ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยอมที่ให้มีการตัดจ่ายได้มากกว่าหนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการจูงใจให้เกิดการควบรวม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK