Finance

เจาะลึก 13 หุ้นเสี่ยงถูกขึ้นเครื่องหมาย “C”

เริ่มนับถอยหลังกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเริ่มนำมาตรการขึ้นเครื่องหมาย C (Caution)  เพื่อใช้เป็นมาตรการปกป้องดูแลผู้ลงทุน และกระตุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เร่งแก้ไขปัญหา กรณี บจ.มีความเสี่ยงด้านฐานะการเงิน งบการเงิน หรือลักษณะธุรกิจ โดยมาตรการดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 และจะเริ่มพิจารณาตั้งแต่งบการเงินสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2561 เป็นต้นไป

สำหรับเกณฑ์ที่จะนำมาพิจารณาขึ้นเครื่องหมาย C นั้น บจ.ที่เข้าข่ายเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใด ประกอบด้วย

1.ส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังหักส่วนต่ำมูลค่าหุ้น (ถ้ามี)

2.หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินมีคำสั่งแก้ไขฐานะการเงินหรือการดำเนินงาน โดยระงับการดำเนินการบางส่วนหรือไม่ให้ขยายธุรกิจเป็นการชั่วคราว อันส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

3.สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งแก้ไขงบการเงิน หรือ สั่งให้มีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit)

4.ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นเนื่องจากถูกจำกัดขอบเขตโดย บจ. หรือกรรมการและผู้บริหารของ บจ. รวมไปถึงผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นว่างบการเงินไม่ถูกต้อง

5.ศาลล้มละลายฯ รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ หรือ รับคำฟ้องล้มละลาย

6.เป็น Cash Company (บจ. มีสินทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดอยู่ในรูปของเงินสด/หลักทรัพย์ระยะสั้น)

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ จะประกาศรายชื่อ บจ.ที่เข้าข่ายให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า 1 วันทำการ หลังจากนั้นจะขึ้นเครื่องหมาย “C” และต้องซื้อด้วยบัญชีเงินสด (Cash Balance) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่เป็น Underlying เช่น Warrant และ Derivative Warrants ด้วย และเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูล และแนวทางแก้ไขของ บจ.ตลาดหลักทรัพย์ จึงกำหนดให้ บจ.ชี้แจงข้อมูลภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ขึ้นเครื่องหมาย และทุกไตรมาสหากยังถูกขึ้นเครื่องหมาย ซึ่งจะมีผลจนกว่า บจ. จะแก้ไขเหตุเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม จะมีการพิจารณา บจ.ที่ติดเครื่องหมาย “C” ทุกสิ้นไตรมาส

จากการสำรวจข้อมูลบจ.ที่ส่งงบการเงินงวดไตรมาส 1/2561 เรียบร้อยแล้ว พบว่ามี 13 บริษัทที่เข้าข่ายถูกขึ้นเครื่องหมาย “C”  ซึ่งพิจารณาเฉพาะกรณีที่มีส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50%ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วเท่านั้น

CCCCCC333

ประกอบด้วย หุ้น JCKH มีทุนชำระแแล้ว 121.80 ล้านบาท มีส่วนผู้ถือหุ้นเพียง 1.11 ล้านบาท แต่บริษัทนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียน หากดำเนินการแล้วเสร็จก่อนสิ้นไตรมาส2ปีนี้ ก็น่าจะรอดพ้นจากการถูกแขวนเครื่องหมายดังล่าว

หุ้น AS ทุนชำระแล้วอยู่ที่ 409.87 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 130.01 ล้านบาท

หุ้น SPORT ทุนชำระแล้วอยู่ที่ 456.36 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้น 32.78 ล้านบาท

 หุ้น PE ทุนชำระแล้วอยู่ที่ 400 ล้านบาทส่วนผู้ถือหุ้น 79.40 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50%ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ยังมีกรณี ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินอีกด้วย

หุ้น TSI มีทุนชำระแล้วอยู่ที่ 1,052.23 ล้านบาทส่วนผู้ถือหุ้น 190.16 ล้านบาท จะเห็นว่า มีส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50%ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

หุ้น DNA มีทุนชำระแล้วอยู่ที่  264.58 ล้านบาทส่วนผู้ถือหุ้น 129.62 ล้านบาท สัดส่วนใกล้เคียงกับ 50%ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว  ดังนั้นต้องติดตามดูว่าในสิ้นไตรมาส2/2561จะเป็นอย่างไร

หุ้น HYDRO มีทุนชำระแล้วอยู่ที่ 589.96ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้น 188.39 ล้านบาทสัดส่วนต่ำกว่า50%ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

หุ้น NBC  มีทุนชำระแล้วอยู่ที่ 535.43 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้น 80.58 ล้านบาท สัดส่วนผู้ถือหุ้นต่ำมาก

หุ้น TSF   มีทุนชำระแล้วอยู่ที่ 677.07 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้น ขาดทุน 26.71 ล้านบาท  ซึ่งการที่ส่วนทุนติดลบอาจทำให้บริษัทอาจถูกเข้ากลุ่มต้องปรับปรุงฐานะการเงินหรือฟื้นฟูกิจการ

หุ้น UMS มีทุนชำระแล้วอยู่ที่251.69ล้าบาทส่วน ผู้ถือหุ้น ขาดทุน  0.72 ล้านบาท

หุ้น MPG  มีทุนชำระแล้วอยู่ที่ 977.75ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 94.64 ล้านบาท  สัดส่วนผู้ถือหุ้นต่ำมาก

หุ้น ADAM มีทุนชำระแล้วอยู่ที่ 370.16 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 19.24 ล้านบาท

จากข้อมูลดังกล่าว ยังไม่ครอบคลุมบริษัทจดทะเบียนที่อาจเข้าข่ายเงื่อนไขอื่นๆด้วย ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายบริษัท และยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่ส่งงบการเงินให้ตลาดหลักทรัพย์พิจารณา ดังนั้น อาจมีหุ้นอีกหลายบริษัทที่มีโอกาสที่จะถูกขึ้นเครื่องหมาย Cได้อีก

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ให้ความเห็นว่า การที่บริษัทจดทะเบียนมีส่วนผู้ถือหุ้นที่ต่ำและอาจถูกเข้าข่ายขึ้นเครื่องหมาย C นั้น หากพิจารณาโดยหลักการแล้ว การแก้ไขปัญหาของบริษัทเหล่านั้น ทำได้โดย 2 วิธี คือ 1 การเร่งทำกำไรเพิ่มขึ้น และ 2. เพิ่มทุนในรูปแบบต่างๆเพื่อให้ฐานทุนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกวิธีการต้องใช้เวลา ดังนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทว่าจะเลือกดำเนินการงานแบบไหน

“คงต้องเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังการลงทุนในหุ้นที่มีฐานะการเงินที่ไม่ค่อยดีเนื่องจากเป็นความเสี่ยง หากถูกขึ้นเครื่องหมาย C แสดงว่า พื้นฐานไม่แข็งแรงพอที่จะถือลงทุนต่อไป”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight