Finance

ธปท. ถอนใบอนุญาต ‘ทรี เพย์-เพย์เพด’ 2 ผู้ให้บริการชำระเงิน

ธปท. ประกาศถอนใบอนุญาตทำธุรกิจ “ทรี เพย์-เพย์เพด” 2 ผู้ให้บริการชำระเงิน จากเหตุล้มละลาย และทำธุรกิจผิดกฎหมาย ตามลำดับ 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ ตามพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 (พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน) แจ้งถอนการอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจ 2 ราย คือ บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เพย์เพด จำกัด ด้วยปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้

ถอนใบอนุญาต

1. บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้หยุดให้บริการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เนื่องจากศาลล้มละลายกลาง มีคำพิพากษาให้ล้มละลาย ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายเป็นกรณีที่บริษัทหยุดประกอบธุรกิจหรือ ไม่ดำเนินธุรกิจตามปกติเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. ประกาศกำหนด

2. บริษัท เพย์เพด จำกัด ได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ให้ความร่วมมือ และร่วมกระทำการกับบุคคลอื่น ในการกระทำความผิดอาญาฐานประกอบธุรกิจบริการชำระเงินภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน

ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าบริษัท เพย์เพด จำกัด มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือฝ่าฝืนละเลยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนหรือระบบการชำระเงินโดยรวมของประเทศอย่างร้ายแรง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 31 และ มาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับของบริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เพย์เพด จำกัด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ได้รับอนุญา ตหรือได้รับการขึ้นทะเบียนให้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ได้จากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน หมายเลขโทรศัพท์ 1213

หรือระบบการตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาตหรือใบขึ้นทะเบียนให้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT License Check) ตามช่องทาง https://app.bot.or.th/BotLicenseCheck

ถอนใบอนุญาต

ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหาก ธปท. ตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจรายใด มีการปฏิบัติเข้าข่ายไม่เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์กำหนด หรือมีพฤติการณ์ในลักษณะที่ไปเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย ธปท. จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo