ค่าเงินบาท เปิดเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) ที่ระดับ 34.94 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.75-35.05 บาทต่อดอลลาร์
นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ในช่วงคืนก่อนหน้า เงินบาทผันผวนพอสมควร แกว่งตัวในช่วง 34.90-35.13 บาทต่อดอลลาร์ และมีจังหวะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป ทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินยูโร (EUR) จากรายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของฝั่งยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาด
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ จากรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐที่ออกมาแย่กว่าคาดเช่นกัน ทำให้ผู้เล่นในตลาด มองว่า โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ และคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ลดลง
แม้การจัดตั้งรัฐบาลผสมจะเสร็จสิ้นลง แต่ยังไม่เห็นการกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยที่ชัดเจนของนักลงทุนต่างชาติ โดยมีเพียงแรงซื้อบอนด์ระยะสั้น (ซึ่งอาจเกี่ยวกับสถานะ Long THB) ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยังคงต้องติดตามว่า นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องได้หรือไม่
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินเฟด จากถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานสัมมนาวิชาการ ที่แจ็กสัน โฮล ก่อนปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนขึ้นได้
มุมมองดังกล่าว อาจทำให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่มีแนวโน้มที่จะติดโซนแนวรับแถว 34.75-34.80 บาทต่อดอลลาร์ ยกเว้นว่าจะเห็นฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยชัดเจน ส่วนแนวต้านของเงินบาทก็ยังคงเป็นโซน 35.00-35.15 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้ยังคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ตามคาด!! กนง.มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25% ต่อปี มีผลทันที
- ‘ญี่ปุ่น’ จับตาค่าเงินใกล้ชิด หลัง ‘เยน’ อ่อนสุด รอบ 7 เดือน
- ‘ธปท.’ พร้อมหารือรัฐบาลใหม่ เพิ่มจำนวนแบงก์ให้เกิดการแข่งขัน-กดดอกเบี้ยต่ำ!