Stock

‘GULF’ นิวโลว์รอบ 9 เดือน สวนกำไรทุบนิวไฮ

GULF นิวโลว์รอบ 9 เดือน สวนกำไรทุบนิวไฮ นโยบายปรับลดค่าไฟ ที่อาจเข้ามากดดันกำไร

หุ้น GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กำลังเจอทางแยกสำคัญระหว่างราคาหุ้นกับผลประกอบการ โดยช่วงเช้าวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น GULF ร่วงทำจุดต่ำสุดที่ราคา 47.75 บาท ทำระดับราคาหุ้นต่ำใหม่ (นิวโลว์) ในรอบ 9 เดือน

ปัจจัยกดดันราคาหุ้น GULF รวมถึงหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อื่น ๆ มาจากกระแสของนโยบายปรับลดค่าไฟ ที่อาจเข้ามากดดันกำไรของบริษัท ในขณะเดียวกันยังอาจมีนโยบายปรับรูปแบบการซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ ทำให้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าในอนาคต

แต่อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นกลับสวนทางกับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 ที่ GULF โชว์ความแข็งแกร่งเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวม 29,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการทำกำไรทุบสถิติสูงสุดใหม่เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน

gulf newlow

การเติบโตด้านกำไรของ GULF โดยหลักมาจากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 3 และ 4 ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2565 และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP ที่มีกำไรฟื้นตัวจากราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น INTUCH, GGC, GJP, TTT และการร่วมค้าในประเทศโอมาน

คาดกำไร 2 ทำนิวไฮต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของ GULF มีแนวโน้มทำกำำรนิวไฮเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน แม้จะมีการปรับลดค่า Ft ของงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ก็ตาม แต่บริษัทยังมีปัจจัยหนุนจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน เพียงพอที่จะชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้

อีกทั้ง GULF จะเริ่มรับรู้รายได้จากหน่วยที่ 1 ของโรงไฟฟ้า GPD ขนาด 662.5 เมกะวัตต์ ที่เพิ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ประกอบกับจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson ในประเทศสหรัฐ แบบเต็มไตรมาส

กูรูชี้ผลกระทบเชิงนโยบายมีจำกัดและทำได้ยาก

ส่วนความกังวลเรื่องผลกระทบเชิงนโยบายค่าไฟฟ้า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า คงเกิดได้ยาก เนื่องจากมีสัญญาผูกมัดระยะยาว และอยู่ภายใต้แผนพัฒนาไฟฟ้าเดิม ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

ทั้งนี้ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้า รวมถึง GULF เกิดขึ้นได้ยาก โดยยังมีทางเลือกอื่นที่จะสามารถปรับลดค่าไฟฟ้าได้ เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงคิดเป็น 70% ของต้นทุน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าในอนาคตจะลดลงอยู่แล้ว

GULF

ส่วนทางเลือกการปรับลดค่าความพร้อมจ่ายอาจไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้ามากนัก เนื่องจากคิดเป็น 12% ของต้นทุน กฟผ. เท่านั้น ประกอบกับโครงการ IPP ที่อยู่ระหว่าการก่อสร้างนั้นใกล้เสร็จแล้ว หากยกเลิกการเปลี่ยนแปลง อาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศได้เช่นกัน

ทำให้มุมมองส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น GULF ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ราคาเป้าหมายเฉลี่ย ปี 2566 โดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) อยู่ที่ 59.14 บาทต่อหุ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน