การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “ซูซูกิคัพ” 2018 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จ่าฝูงของกลุ่มที่มี 7 คะแนน เปิดบ้าน พบกับ สิงคโปร์ ทีมอันดับ 3 ของกลุ่มที่มี 6 คะแนน โดยเกมนี้มีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นเดิมพัน
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมในรายการนี้เป็นช้างศึกที่ทำได้เหนือกว่าโดยเฉพาะ 3 ครั้งหลังสุดที่เอาชนะได้ทั้งหมดเกมนี้ มิโลวาน ราเยวัช เปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงจากเกมที่แล้วสองคนโดยส่ง นูรูล ศรียานเก็ม และ มิก้า ชูนวลศรี ออกสตาร์ท เป็นตัวจริงเกมนี้ร่วมกับ ศุภชัย ใจเด็ด และ อดิศักดิ์ ไกรษร
ด้านสิงคโปร์ของ ฟานดี้ อาหมัด วาง อิคซาน ฟานดี้ เป็นกองหน้า ส่วนแนวรับมี ซอฟวาน บาฮารุดดิน ที่ทำแฮตทริกในเกมล่าสุดลงยืนคุมแนวรับ ร่วมกับ อิรฟาน ฟานดี้
เริ่มเกมมาสามนาที ไทยได้ทักทายก่อนจากลูกเตะมุม ที่ศุภชัย ใจเด็ด ได้สอดมาโขกแต่บอลข้ามคานออกไป
นาทีที่ 7 สิงคโปร์ เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่แนวรับไทยเคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง อิคซาน ฟานดี้ ยิงไปติดเซฟของ ฉัตรชัย บุตรพรม
นาทีที่ 12 ไทยมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะเตะมุมสั้นและเป็นกรกช วิริยอุดมศิริ ที่เปิดบอลเข้าไปให้ พรรษา เหมวิบูลย์ โหม่งไปโดน อิรฟาน ฟานดี้ เข้าไปให้ ช้างศึก นำก่อน 1-0
นาทีที่ 23 ไทยมาได้ประตูที่สองนำห่างจากจังหวะที่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ วางบอลยาว แนวรับสิงคโปร์ สกัดไม่ดีมาเข้าทาง ศุภชัย ใจเด็ด แต่งหนึ่งจังหวะแล้วซัดด้วยขวาผ่าน ฮัสซัน ซันนี เข้าไปให้ ช้างศึกหนีไปเป็น 2-0 และเป็นประตูที่สามของเจ้าอาร์ม ในทัวร์นาเมนต์นี้
นาทีที่ 32 สิงคโปร์ มาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ กาเบรียล ควอก เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนหมุนตัวยิงแต่บอลเบาไปเข้าตัว ฉัตรชัย บุตรพรม
นาทีที่ 34 ไทยเกือบได้ประตูที่สาม จากจังหวะสวนกลับและเป็น สรรวัชญ์ เดชมิตร ที่ผ่านบอลทะลุแนวรับให้ อดิศักดิ์ ไกรษร แปไปติดตัวของ ฮัสซัน ซันนี
นาทีที่ 43 สิงคโปร์ เกือบมาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะยิงไกลของ อิคซาน ฟานดี้ แต่ฉัตรชัย บุตรพรม ยังปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 45 ไทยมาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะสวนกลับและเป็นนูรูล ศรียานเก็ม ที่ลากไปยิงด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติมจบครึ่งแรก เป็นไทยที่นำอยู่ 2-0
เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่ถึงสองนาที ไทยเกือบมาได้ประตูที่ 3 จากจังหวะที่ สรรวัชญ์ เดชมิตร ได้ยิงหน้าเขตโทษ แต่ฮัสซัน ซันนี่ยังปัดไว้ได้
นาทีที่ 55 ไทยเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการส่ง ปกเกล้า อนันต์ ลงไปเล่นแทน นูรูล ศรียานเก็ม
นาทีที่ 56 สิงคโปร์ เกือบตีไข่แตกจากฟรีคิก หน้าเขตโทษ แต่ อิคซาน ฟานดี้ ยิงหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 72 ไทยเกือบได้ประตูที่สามอีกครั้งจากจังหวะสวนกลับแต่ จังหวะสุดท้าย ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ยิงไปติดเซฟ ฮัสซัน ซันนีและจากลูกเตะมุม เป็น กรกช วิริยอุดมศิริ ที่ลองลักไก่ยิง แต่ ฮัสซัน ซันนี ยังปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 78 ไทยได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะฟรีคิก และเป็นกรกช วิริยอุดมศิริที่ลองปั่นด้วยซ้ายไปเข้ามือฮัสซัน ซันนี
นาทีที่ 79 ไทยมาได้ลุ้นจากจังหวะที่ ศุภชัย ใจเด็ด ทำชิ่งกับเพื่อนก่อนกดด้วยขวาบอลข้ามคาน
นาทีที่ 89 ไทยมาได้ประตูที่ 3 จนได้จากจังหวะที่ สรรวัชญ์ เดชมิตร เปิดบอลให้ อดิศักดิ์ ไกรษร พักบอลและยิงด้วยซ้ายให้ช้างศึกหนีเป็น 3-0 และเป็นประตูที่ 8 ของเจ้าตัวในทัวร์นาเมนต์นี้และจารึกชื่อเป็นคนแรกของทีมชาติไทย ในรอบ 22 ปี ที่ลงเล่นในรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ แล้วยิง 8 ประตูในปีเดียว ซึ่งทำลาย 7 ลูก ที่ เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ทำไว้ในปี 1996
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ทีมชาติไทย เอาชนะสิงคโปร์ไป 3-0
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ทีมชาติไทยมีเพิ่มเป็น 10 คะแนน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ในฐานะแชมป์กลุ่มบี โดยจะเข้าไปพบกับ มาเลเซีย รองแชมป์กลุ่มเอ ซึ่งนัดแรกจะแข่งขันกันที่ สนามกีฬาแห่งชาติ บูกิต จาลิล ในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 และนัดที่ 2 จะแข่งขันกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถานในวันที่ 5 ธันวาคม 2561
ส่วนรองแชมป์กลุ่มได้แก่ฟิลิปปินส์ หลังบุกไปเสมอ อินโดนีเซีย 0-0 ทำให้ทัพตากาล็อกเข้าไปเจอกับเวียดนาม แชมป์จากกลุ่มเอ ซึ่งจะแข่งขันกันในวันที่ 2 และ 6 ธันวาคม 2561 โดยผู้ชนะของรอบรองชนะเลิศทั้งสองทีมจะผ่านเข้า รอบชิงชนะเลิศไปแข่งขันกันในวันที่ 11 และ 15 ธันวาคม 2561 ต่อไป
รายชื่อ 11 ตัวจริงทั้งสองทีม
ทีมชาติไทย – ฉัตรชัย บุตรพรม, มิก้า ชูนวลศรี, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์, กรกช วิริยอุดมศิริ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สรรวัชญ์ เดชมิตร (ปกรณ์ เปรมภักดิ์ 90), นูรูล ศรียานเก็ม(ปกเกล้า อนันต์ 55), อดิศักดิ์ ไกรษร(ฟิลิป โรลเลอร์ 90), ศุภชัย ใจเด็ด
ทีมชาติสิงคโปร์ – ฮัสซัน ซันนี, ชาคิร ฮัมซาห์, นาซรูล นาซารี (ฟาริตซ์ ฮามีด79), ซูลกาแมน ซุสลิมาน (ฟาริส รอมลี 46), อิซซดิน ยาค็อบ, ฮาริส ฮารูน, อิรฟาน ฟานดี้, อิคซาน ฟานดี้, ซอฟวาน บาฮารุดดิน, กาเบรียล ควอก (ไบฮัคกี้ คอยซาน 67), ซุลฟาห์มี อารีฟีน
