สแตน โครเอนเก้ ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของอาร์เซนอล ยื่นเงินจำนวน 600 ล้านปอนด์เพื่อซื้อหุ้นที่เหลืออยู่ของสโมสรทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านปอนด์มาเป็นของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ โครเอนเก้ นักธุรกิจชาวอเมริกันถือหุ้นของทีม “ปืนใหญ่” อยู่ 67% แต่ล่าสุดได้เจรจากับ อลิสเซอร์ อุสมานอฟ ผู้ถือหุ้นอีกรายเพื่อซื้อหุ้นอีกกว่า 30% เข้ามา โดยโครเอ็นเก้ ที่ซื้อหุ้นผ่านบริษัท KSE ออกแถลงการณ์ว่า การดำเนินการครั้งนี้เพื่อพาทีมคว้าความสำเร็จในรูปแบบถ้วยแชมป์มากยิ่งขึ้น
“พวกเรากำลังเดินหน้าให้การรวบหุ้นครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ และต้องขอบคุณอุสมานอฟ ที่อุทิศตนให้กับสโมสรมาโดยตลอด KSE มุ่งหวังที่จะเห็นทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมทั้งแชมป์ในวงการฟุตบอลหญิง และระดับเยาวชน”
KSE ยืนยันว่า เงินส่วนนี้ 45 ล้านปอนด์เป็นของโครเอนเก้ ส่วนอีก 555 ล้านปอนด์กู้ยืมจากธนาคารไม่ได้เกี่ยวกับเงินทุนใดๆของสโมสร
ขณะที่แฟนบอลอาร์เซนอลนำโดยกลุ่ม AST ที่ถือหุ้นส่วนหนึ่งในสโมสร ไม่เห็นด้วยกับการกระทำในครั้งนี้ของโครเอนเก้ โดยมองว่าจะทำให้การมีส่วนร่วมของแฟนบอลหมดลงไปโดยสิ้นเชิง
“AST มองว่าการซื้อ-ขายหุ้นครั้งนี้ คือช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าอีกครั้งของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเงินที่ซื้อหุ้น มาจากการกู้ธนาคาร”
“โครเอนเก้จะมีสิทธิ์ขาดทุกอย่างในทีม สามารถจ่ายเช็คเพื่อทำสิ่งใดก็ได้ โดยที่แฟนบอลไม่สามารถมีปากมีเสียงอะไรได้เลย”
ทั้งนี้ โครเอนเก้เข้ามาซื้อหุ้นอาร์เซนอลครั้งแรกในปี 2007 ก่อนจะกว้านซื้อเรื่อยๆจนกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสโมสรในปัจจุบัน
