ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย แนะรัฐแก้กฎหมายล้าหลัง เปิดช่องให้คนทำมาหากินได้ตามยุคดิจิทัล ส่วนภาคเกษตรแนะจัดโซนนิ่งจริงจัง
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจและสังคมการเมืองไทย ว่า การเข้ามาของสื่อโซเชียล ส่งผลให้คนทั้งโลกมีช่องทางในการทำมาหากินมากกว่าเดิม เพราะสื่อโซเชียลเชื่อมคนถึงกันหมด สนับสนุนให้ประชาชนนำทรัพย์ของตนมาสร้างรายได้ แต่สำหรับคนไทย กลับถูกกฎหมายล้าหลังตีกรอบ
พร้อมยกตัวอย่างเรื่อง GRAB และ UBER ที่กำลังเป็นที่นิยม มีคนใช้บริการมาก แต่ทั้งขนส่งและตำรวจกำลังไล่จับ สะท้อนว่ากฎหมายของไทยตามพฤติกรรมของคนไม่ทัน และไม่สมควรจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นในประเทศที่บอกว่า อยากใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนประเทศ
“ส่วนตัวขอเสนอให้มีการแก้กฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกยุคปัจจุบัน เพื่อให้คนนำทรัพย์สินส่วนตัวออกมาใช้ทำมาหากินได้อย่างกว้างขวาง สร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจไทย” นายสรอรรถ กล่าว
ส่วนปัญหาการศึกษา ผลผลิตจากระบบการศึกษาไทยเป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถาม เพราะเด็กเรียนดีจำนวนมากไม่สามารถทำงานได้จริง เนื่องจากการขาดทีมเวิร์ค ดังนั้น เราจึงไม่ควรสร้างเพียงคนเก่งในตำรา แต่คนนั้นต้องสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนได้ด้วย
ขณะที่ปัญหาด้านการเกษตร นายสรอรรถ มองว่าเราไม่ดูแลเรื่องอุปสงค์อุปทาน อย่างจริงจัง เกษตรกรปลูกพืชบางชนิดมากเกินไป เข้าสู่สภาวะล้นตลาด ดังนั้น ขอวิงวอนภาครัฐ เข้าไปจัดโซนนิ่งการเพาะปลูก ติดตามผลควบคุมปริมาณผลผลิต ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
นอกจากนั้น เมื่อเกษตรกรยอมปลูกพืชโซนนิ่งตามที่รัฐต้องการแล้ว ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมด้วย เช่น ปัจจัยการผลิตในกรณีที่ปลูกพืชชนิดใหม่ รวมไปถึงช่องทางการจัดจำหน่าย ภาพรวมคือเกตรกรต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ใช่เสนอให้ปลูกแล้วปล่อยให้เกษตรกรเผชิญอนาคตตามยถากรรม
การปล่อยปละละเลยดังกล่าว จะนำมาซึ่งความไม่เชื่อใจกัน ระหว่างรัฐกับเกษตรกร สุดท้ายนโยบายการจัดโซนนิ่งย่อมไม่ได้ผล เกษตรกร จะไม่เปลี่ยนพฤติกรรม สภาวะโอเวอร์ซัพพลายราคาพืชผลตกต่ำตกจะเป็นปัญหาโลกแตกต่อไป
