กรมชลประทาน ขอความร่วมมือผู้ว่าฯ 22 จังหวัด ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ขอให้เกษตรกรงดทำนาปี โดยใช้พื้นที่ 1.2 ล้านไร่ เป็นพื้นที่รองรับน้ำนองชั่วคราว
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด 22 จังหวัดในลุ่มเจ้าพระยา ให้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำ ตามโครงการปรับเปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าว ให้งดทำนาปีต่อเนื่อง พื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่ง ซึ่งกรมชลประทานส่งน้ำให้ปลูกข้าวนาปีครั้งที่ 1 เร็วขึ้นตั้งแต่ 1 พฤษภาคม
พื้นที่ 12 ทุ่งประกอบด้วย ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก ทุ่งเชียงราก ทุ่งท่าวุ้ง ทุ่งบางกุ่ม ทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งเจ้าเจ็ด ทุ่งโพธิ์พระยา และระบายน้ำบางส่วน ผ่านโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระยาบันลือ และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวได้ทันก่อนน้ำหลาก อีกทั้งกรมชลประทานขอใช้พื้นที่ทั้ง 12 ทุ่ง 1.2 ล้านไร่ เป็นพื้นที่รองรับน้ำนองชั่วคราว รับน้ำได้ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร
การสำรวจล่าสุดพื้นที่ปลูกข้าวใน 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา มี 7.060 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 2.920 ล้านไร่ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จกลางเดือนนี้ ซึ่งกรมชลประทาน ขอความร่วมมือเกษตรกรพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งดังกล่าว เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จให้เกษตรกรงดปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง โดยจะนำปลาไปปล่อย เพื่อให้ทำประมงเป็นอาชีพเสริม
สำหรับพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนบนที่ทำเป็นที่รับน้ำ คือ ทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และบางส่วนของสุโขทัย ได้ขยายพื้นที่รับน้ำเพิ่ม จากเดิมปี 2560 โครงการบางระกำโมเดลมี 2.65 แสนไร่ รับน้ำได้ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร ปีนี้มีพื้นที่ 3.82 แสนไร่ รับน้ำได้ 550 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งขณะนี้เก็บเกี่ยวข้าวหมดแล้ว พร้อมใช้เป็นพื้นที่รับน้ำนอง
โดยแผนบริหารจัดการน้ำช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฝนตกชุกที่สุดของปีนั้น นายทองเปลว กล่าวว่า จะเร่งระบายน้ำผ่านทางลำน้ำสายหลักออกทะเลเร็วที่สุด หากมีน้ำหลากมาก จะพิจารณาตัดยอดน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง 13 ทุ่งในเวลาที่เหมาะสม โดยโครงการนี้ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 ซึ่งปีที่แล้วประสบความสำเร็จ ตัดยอดน้ำหลากช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง อีกทั้งน้ำที่เก็บไว้เกษตรกรสามารถนำไปใช้เพาะปลูกต่อในช่วงฤดูแล้ง
