Politics

สถานทูตตอบคำถามคาใจ! เมื่อไหร่จะได้กลับไทย ‘วีซ่า’ จะหมดแล้ว

“สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น” ตอบคำถามคาใจ! อยากกลับไทย เมื่อไหร่จะได้กลับ วีซ่าใกล้หมดแล้ว ต้องทำอย่างไร

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า คำถามที่พบบ่อย: อยากกลับไทย เมื่อไหร่จะได้กลับ วีซ่าใกล้หมดแล้ว ต้องทำอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่

1. ลงทะเบียนในแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับไทยกับสถานเอกอัครราชทูตฯ แล้วแต่ก็ยังไม่ได้กลับประเทศไทย เป็นเพราะอะไร

ตอบ : • สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ตระหนักถึงความเดือดร้อนของคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับบ้านโดยหลายคนได้เลื่อนตั๋วมาหลายครั้งแล้ว และเราตั้งใจอย่างยิ่งที่จะส่งคนไทยที่จะต้องการเดินทางกลับไทย ให้ได้กลับบ้านเกิดทุกคน

• ประเด็นสำคัญประการหนึ่งก็คือ มีคนไทยที่ติดค้างอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำนวนมาก สถานทูต/สถานกงสุลของไทยทั่วโลกต่างพยายามช่วยเหลือให้คนไทยเดินทางกลับได้เร็วที่สุด แต่รัฐบาลจำเป็นต้องจำกัดการเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งที่ผ่านมาจำกัดที่วันละประมาณ 200 คน จำนวนคนไทยจากญี่ปุ่นที่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ในแต่ละครั้งจึงเป็นไปตามการพิจารณาจัดสรรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย

• ด้วยเหตุนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงจำเป็นต้องคัดเลือกผู้โดยสารที่จะเดินทางกลับไทยในแต่ละเที่ยวบินตามลำดับความฉุกเฉินและความจำเป็นเร่งด่วน โดยพิจารณาข้อมูลของผู้ลงทะเบียนอย่างรอบคอบ เช่น เด็กและเยาวชนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่ transit ในสนามบินเป็นเวลาหลายคืน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ผู้สูงอายุ เยาวชน นักเรียน/นักศึกษาที่จบการศึกษาแล้ว เป็นต้น และได้ทยอยจัดให้คนไทยในญี่ปุ่นเดินทางกลับไทยตามโควต้าที่ได้รับจัดสรร ซึ่งที่ผ่านมาในเดือนเมษายน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับจัดสรรโควต้าใน 5 เที่ยวบิน ส่งคนไทยกลับได้แล้ว 181 คน และจะได้รับโควต้าอีกในวันที่ 9 และ 10 พฤษภาคม 2563 จำนวน 230 คน รวมเป็น 411 คน

1005307 147743795426953 92128423 n

2. อยากกลับไทยต้องทำอย่างไร จะเปิดลงทะเบียนใหม่เมื่อใด มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

ตอบ : • ขณะนี้ ยังมีผู้ที่ลงทะเบียนแสดงความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ตกค้างอยู่ในญี่ปุ่นอีกหลายร้อยคน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ มิได้นิ่งนอนใจ และกำลังเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและสายการบินที่มีความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อขอรับโควต้าคนไทยจากญี่ปุ่นที่จะสามารถเดินทางกลับไทยได้ เพื่อทยอยส่งคนไทยกลับบ้านให้ได้โดยเร็วที่สุด

• สถานเอกอัครราชทูตฯ จะแจ้งข่าวสารความคืบหน้ากรณีที่สามารถจัดเที่ยวบินให้คนไทยเดินทางกลับไทยได้อีกทางเว็บไซต์และเฟซบุคของสถานเอกอัครราชทูตฯ รวมทั้งการเปิดรับลงทะเบียนแสดงความจำนงเพื่อเดินทางกลับไทยอีกเป็นระยะๆ จึงขอให้ติดตามข่าวสารจากสื่อประชาสัมพันธ์ของสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างสม่ำเสมอ

• อนึ่ง สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความเร่งด่วนในการเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอความร่วมมือให้พิจารณาชะลอการเดินทางออกไปก่อน

3. สามารถเดินทางกลับไทยโดยสายการบินไทย (TG) All Nippon Airways (ANA) และ Japan Airlines (JAL) ได้เท่านั้นหรือ ผู้ที่มีตั๋วของสายการบินอื่น ๆ จะทำอย่างไร ผู้โดยสารต้องจ่ายค่าตั๋วเองหรือไม่

ตอบ : • เนื่องจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ประกาศระงับการให้เที่ยวบินพาณิชย์จากต่างประเทศบินเข้าไทย (ล่าสุดถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563) ทำให้สายการบินต่าง ๆ ไม่สามารถทำการบินเที่ยวบินปกติเข้าไทยได้ การจัดเที่ยวบินให้คนไทยเดินทางกลับไทยต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ กพท. กำหนดไว้ คือ เป็นเที่ยวบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยเท่านั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ประสานงานกับสายการบินต่าง ๆ ที่พร้อมจัดเที่ยวบินลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้ สายการบินต่างก็มีเงื่อนไขและข้อจำกัดที่ต่างๆ กัน บางสายการบินหยุดทำการบินโดยสิ้นเชิง ทำให้ที่ผ่านมามีเพียง ANA และ JAL รวมทั้งสายการบินไทย ที่สามารถจัดเที่ยวบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยได้

• อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตฯ ตระหนักดีว่า คนไทยที่ต้องการเดินทางกลับมีตั๋วเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ มากมาย จึงได้ติดต่อสายการบินต่างๆ นอกเหนือจาก 3 สายการบินข้างต้น โดยเฉพาะสายการบิน LCC เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับคนไทยในการเดินทางกลับไทย โดยอาจเป็นเที่ยวบินที่ทำการบินเพื่อขนส่งสินค้าเป็นหลัก แต่สามารถรับผู้โดยสารได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

• ในการเดินทางจากต่างประเทศกลับเมืองไทย ผู้โดยสารต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเองตามราคาของสายการบินนั้น ๆ ในเรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้พยายามปรึกษาหาทางออกกับสายการบินต่าง ๆ เพื่อบรรเทาปัญหาเรื่องค่าบัตรโดยสารของคนไทย ในกรณีของ ANA และ JAL ผู้ที่มีตั๋วเดิมอยู่แล้ว สามารถใช้ตั๋วเดิมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในกรณีของสายการบินอื่นๆ อาจต้องจ่ายค่าเปลี่ยนตั๋วเพิ่มเพียงบางส่วน หรือซื้อตั๋วใหม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน แต่โดยรวมแล้ว ค่าตั๋วในปัจจุบันจะราคาสูงกว่าปกติมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสายการบินรับผู้โดยสารได้น้อยลง และสายการบินมีมาตรการให้ผู้โดยสารนั่งห่างกันบนเครื่องเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

4. ขั้นตอนเตรียมตัวในการเดินทางและเมื่อกลับถึงประเทศไทยจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง

ตอบ : • เมื่อได้รับการติดต่อ ยืนยันจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ว่าสามารถเดินทางได้ในเที่ยวบินใด แล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ จะประสานงานทางอีเมล์เพื่อขอให้ลงนามในใบยินยอมให้กักตัวเป็นเวลา 14 วัน เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยตามเงื่อนไขของทางการไทย และสถานเอกอัครราชทูตฯจะออกเอกสารรับรองการเดินทางกลับประเทศไทยให้ ซึ่งต้อง print out เพื่อใช้แสดงต่อสายการบินในการเช็คอิน และแสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย

• นอกจากนี้ ผู้ที่จะเดินทางต้องไปตรวจสุขภาพเพื่อขอใบรับรองแพทย์ (เป็นภาษาอังกฤษ) ที่ระบุว่ามีสุขภาพแข็งแรงสามารถเดินทางได้ (fit tofly) โดยใบรับรองแพทย์นี้จะต้องมีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และต้องแสดงใบรับรองแพทย์ฉบับจริงนี้ในการเช็คอิน และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยด้วย

• ก่อนออกเดินทาง ผู้เดินทางจะต้องดาวน์โหลด AOT Application และก่อนลงจากเครื่องบิน จะต้องกรอกแบบฟอร์ม ต.8 (ดังแนบ) ให้เรียบร้อย ซึ่งจะลดเวลาในการผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และกระบวนการตรวจคัดกรองอาการของผู้โดยสาร (Entry Screening) ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 และออกจากท่าอากาศยานได้เร็วขึ้นและในกรณีที่เดินทางเป็นครอบครัว ขอให้แยกสัมภาระของแต่ละคนไว้คนละกระเป๋าเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ในการคัดแยก

• เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว ผู้โดยสารจะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันในสถานที่ที่รัฐบาลไทยจัดไว้ให้

95216432 1403666489834671 3530042640013721600 n

5. เป็นนักท่องเที่ยว ไม่มีที่พัก ขณะนี้ เงินใกล้จะหมดแล้ว ควรทำอย่างไร

ตอบ : • สำหรับผู้ที่มีความเดือดร้อน เร่งด่วน ฉุกเฉิน ขอให้ติดต่อที่ Hotline สถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อขอรับคำแนะนำเป็นรายกรณี ที่หมายเลข 090-4435-7812 หรืออีเมล์ [email protected]

6. วีซ่าใกล้หมดแล้ว จะต้องทำอย่างไร

ตอบ : • สำหรับผู้ที่ถือวีซ่า/สถานะพำนักประเภทต่าง ๆ รวมถึงสถานะพำนักระยะสั้น (ท่องเที่ยว 15 วัน) ที่กำลังจะหมดอายุในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2563 นั้น ทางการญี่ปุ่นได้อนุโลมขยายช่วงเวลาที่จะต้องยื่นขอต่ออายุวีซ่า/สถานะการพำนัก หลังจากวันหมดอายุที่ระบุไว้ เป็นเวลา 3 เดือน

• ภายหลัง 3 เดือน ท่านสามารถติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่พำนักเพื่อยื่นคำร้องขอต่ออายุวีซ่าโดยขอให้เตรียมเอกสารไปยื่น ดังนี้

  • หนังสือเดินทางที่มีอายุ
  • บัตรโดยสารเครื่องบินที่ระบุวันกลับใหม่ (พิจารณาจองตั๋วกลับกับบริษัทท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น)
  • เอกสารรับรองฐานะทางการเงิน (หรือจดหมายรับรองการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายระหว่างการรอเดินทางกลับจากบุคคลที่มีถิ่นพำนักอยู่ในญี่ปุ่นพร้อมเอกสารประจำตัวของบุคคลนั้น เช่น สำเนาหนังสือเดินทางหรือสำเนาใบขับขี่ญี่ปุ่น)
  • เอกสารรับรองที่พักระหว่างรอเดินทางกลับประเทศไทย เช่นเอกสารการจองที่พัก (หรือจดหมายรับรองจากบุคคลที่มีถิ่นพำนักอยู่ในญี่ปุ่นพร้อมเอกสารประจำตัวของบุคคลนั้น เช่น สำเนาหนังสือเดินทางหรือสำเนาใบขับขี่ญี่ปุ่น)
  • เอกสารระบุเหตุผลที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ (เช่นบัตรโดยสารเครื่องบินที่ถูกยกเลิก หรือจดหมายอธิบายเหตุผล)
  • ค่าธรรมเนียม
  • สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอาจขอเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยสามารถตรวจสอบสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองใกล้ถิ่นที่พักได้ที่
    http://www.immi-moj.go.jp/english/info/index.html

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK